เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงหวั่นตึงเครียดในภูมิภาค

15 มกราคม 2567 - 05:59

north-korea-tested-solid-fuel-missile-with-hypersonic-warhead-SPACEBAR-Hero.jpg
  • การทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดทำให้เกิดความตึงเครียดหลายวันหลังจากคิมจองอึนประกาศว่า ‘เกาหลีใต้’ เป็น ‘รัฐศัตรู’

เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธเชื้อเพลิงแข็ง หรือจรวดโซลิดตัวใหม่ซึ่งติดตั้งหัวรบที่มีความเร็วเหนือเสียงขั้นสูง (hypersonic) เมื่อวันอาทิตย์ (14 ม.ค.) ที่ผ่านมา โดยการปล่อยขีปนาวุธดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ ชเว ซอน-ฮี รัฐมนตรีต่างประเทศมุ่งหน้าไปยังมอสโก ท่ามกลางความกังวลในสหรัฐฯ และที่อื่นๆ ว่าเกาหลีเหนือกำลังขายอาวุธให้รัสเซียสำหรับใช้ในยูเครน เพื่อแลกกับความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีของรัสเซีย 

สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (KCNA) รายงานเมื่อวันจันทร์ (15 ม.ค.) ว่า “การปล่อยขีปนาวุธดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อทดสอบความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์เชื้อเพลิงแข็งแบบหลายระยะ มีแรงขับสูงและหัวรบควบคุมความเร็วเหนือเสียงพิสัยกลาง (intermediate-range hypersonic)” พร้อมเสริมว่า “การทดสอบยิงดังกล่าวไม่เคยส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้านใดๆ และไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในภูมิภาค” 

คณะเสนาธิการร่วมของกรุงโซลระบุในแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ว่า “ขีปนาวุธดังกล่าวไปทางทะเลตะวันออกระยะทางประมาณ 1,000 กิโลเมตร” พร้อมเสริมว่าทางการในกรุงโซล วอชิงตัน ดี.ซี. และโตเกียว กำลังวิเคราะห์ถึงการปล่อยขีปนาวุธดังกล่าว ขณะที่กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นกล่าวว่า “ระดับความสูงสูงสุดของมันอยู่ที่อย่างน้อย 50 กม. (30 ไมล์)” 

ทั้งนี้ การทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือก็คือ ขีปนาวุธข้ามทวีปที่ใช้เชื้อเพลิงแข็ง ‘Hwasong-18’ (ICBM) ซึ่งยิงลงทะเลตะวันออกเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม โดยก่อนหน้านี้ได้ทดสอบเครื่องยนต์เชื้อเพลิงแข็งใหม่สำหรับขีปนาวุธนำวิถีระดับกลางเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนและ 14 พฤศจิกายน 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำคิมจองอึน ตราหน้าโซลว่าเป็น ‘ศัตรูหลัก’ ของเกาหลีเหนือ และเตือนว่าเขาจะไม่ลังเลใจที่จะทำลายล้างเกาหลีใต้

“เวลาประวัติศาสตร์มาถึงในที่สุดี่ เมื่อเราระบุชื่อรัฐที่เป็นศัตรูต่อสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีมากที่สุดนั่นก็คือ ‘สาธารณรัฐเกาหลี’ (เกาหลีใต้)”

คิมกล่าวในรายงาน

นักวิเคราะห์กล่าวว่าช่วงเวลาของการทดสอบครั้งล่าสุดเป็นเรื่องที่น่ากังวล 

ลีฟ-เอริก อีสลีย์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยอีฮวาในกรุงโซลแสดงความคิดเห็นในอีเมลว่า “การปล่อยขีปนาวุธครั้งนี้เป็นมากกว่าเพียงแค่การทดสอบ ซึ่งเกิดขึ้นทันทีหลังจากที่รัฐบาลคิมเพิ่มวาทกรรมสงครามต่อเกาหลีใต้ และก่อนที่รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีเหนือจะเดินทางไปรัสเซีย”  

“การแสดงกำลังของเกาหลีเหนือควรเป็นเรื่องที่น่ากังวลไม่ใช่แค่ในโซล เนื่องจากความร่วมมือทางทหารกับมอสโกเพิ่มความรุนแรงในยูเครน และเนื่องจากเกาหลีเหนืออาจเต็มใจที่จะท้าทายสหรัฐฯ และพันธมิตรมากกว่า ในขณะที่ความสนใจทั่วโลกจับจ้องไปที่ตะวันออกกลาง” อีสลีย์กล่าวเสริม 

ขณะเดียวกัน KCNA ก็รายงานว่า เกาหลีเหนือกล่าวหาโซลว่าเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคด้วยการฝึกซ้อมทางทหาร และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้เพิ่มอาวุธยุทโธปกรณ์ “แม้แต่ประกายไฟเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถเป็นตัวเร่งให้เกิดความขัดแย้งทางกายภาพขนาดมหึมาระหว่าง 2 ประเทศที่เป็นศัตรูกันมากที่สุดได้” บทวิจารณ์ระบุ

นักวิเคราะห์กล่าวว่าการเคลื่อนไหวของคิมเพื่อกำหนดให้เกาหลีใต้เป็นรัฐศัตรูที่แยกออกไป อาจช่วยพิสูจน์การใช้อาวุธนิวเคลียร์ต่อโซลในสงครามในอนาคต

แม้จะมีสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยากลำบาก แต่เกาหลีเหนือก็ทำการทดสอบอาวุธหลายครั้งในปี 2023 รวมถึงขีปนาวุธเชื้อเพลิงแข็งลูกแรก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเรียกว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่ 

นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังนำดาวเทียมสอดแนมดวงแรกขึ้นสู่วงโคจรหลังจากล้มเหลวมาแล้ว 2 ครั้ง โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่าเกาหลีเหนือได้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของรัสเซีย หลังจากที่คิมเดินทางไปที่ท่าอากาศยานศูนย์วอสตอชนี คอสโมโดรมของรัสเซียเพื่อพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน 

อย่างไรก็ดี ขีปนาวุธเชื้อเพลิงแข็งสามารถยิงได้เร็วกว่า เคลื่อนย้ายและปกปิดได้ง่ายกว่า ซึ่งในทางทฤษฎีทำให้ยากต่อการตรวจจับ 

อาวุธความเร็วเหนือเสียงได้รับการออกแบบให้บินด้วยความเร็วสูงระดับมัค 5 (Mach 5) หรือ 5 เท่าของความเร็วเสียง หากมันออกมาสมบูรณ์แบบ ระบบดังกล่าวอาจสร้างความท้าทายต่อระบบป้องกันขีปนาวุธในภูมิภาคได้ เนื่องจากความเร็วและความคล่องตัว 

Photo by KCNA VIA KNS / AFP

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์