ว่าด้วยเรื่องของการทำนายเหตุการณ์ หลายคนอาจตะลึงกันมาแล้วกับการ์ตูนสัญชาติอเมริกัน ‘เดอะซิมป์สันส์’ (The simpsons) ที่ฉากในการ์ตูนหลายๆ ตอน กลับกลายเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในเวลาต่อมา จึงเกิดเป็นกระแสที่ว่าเดอะซิมป์สันส์เป็นการ์ตูนที่ทำนายอนาคตได้ซะแล้ว (อ่านเพิ่มเติม : การ์ตูนหรือหมอดู? ‘เดอะซิมป์สันส์’ ทำนายอะไรไว้ในปี 2023 บ้าง?)
แต่นอกจากเดอะซิมป์สันแล้วยังมีชายผู้หนึ่งเป็นที่เลื่องลือว่าคำทำนายของเขาเมื่อประมาณ 500 ปีที่แล้วนั้นเป็นจริงมาแล้วหลายเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นมหาอัคคีภัยแห่งลอนดอนปี 1666 การปฏิวัติฝรั่งเศส 1789 หรือแม้แต่เหตุทิ้งปรมาณูในสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากนี้บางเหตุการณ์ก็คล้ายคลึงกับคำทำนายอย่างน่าประหลาดใจ
ว่ากันว่าชายผู้นี้เป็นนักโหราศาสตร์ชาวฝรั่งเศสนามว่า ‘มิเชล เดอ นอสทราดาม’ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘นอสทราดามุส’ ผู้ที่รวบรวมคำทำนายอนาคตเกือบ 1,000 ข้อในหนังสือ ‘Les Prophecies’ (เลส์ พร็อพเพอซีส์) เมื่อปี 1555

ในหนังสือดังกล่าวเป็นบทกวีคล้องจองสั้นๆ 4 บรรทัดทั้งหมด 941 บท โดยนอสทราดามได้รวบรวมคำทำนายสำคัญๆ ที่เขาเชื่อว่าจะเกิดขึ้นบนโลกในอนาคตซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้เป็นไปในแง่ดีมากนัก บทกวีของเขามักทำนายถึงภัยพิบัติต่างๆ เช่น โรคระบาด แผ่นดินไหว น้ำท่วม สงคราม และการฆาตกรรม บางครั้งคำทำนายก็โยงถึงบุคคลคนเดียวหรือคนกลุ่มเล็กๆ
แม้ว่าใครหลายคนไม่มั่นใจความแม่นยำในการทำนายของนอสทราดามุส แต่ก็กล่าวกันว่าเขาสามารถพยากรณ์เหตุการณ์สำคัญที่สุดหลายครั้งในประวัติศาสตร์ได้อย่างน่าขนลุกก่อนที่มันจะเกิดขึ้น บางคนเชื่อว่านอสทราดามุสทำนายการก้าวสู่อำนาจของฮิตเลอร์ การลอบสังหารจอห์น เอฟ เคนเนดี และการโจมตี 9/11 ได้อย่างถูกต้อง
และในบรรดาคำทำนายที่ตีพิมพ์ออกมานั้น ก็ยังมีอีกหลายคำทำนายที่หลายคนเชื่อว่าทฤษฎีแปลกประหลาดของเขาอาจเป็นจริงในปี 2023 หรือบางเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นตามที่เคยทำนายไว้แล้ว
- เราอาจกิน 'เนื้อคน' หรือพวกเดียวกันอันเป็นผลมาจาก ‘วิกฤตค่าครองชีพ’

ในบทกวีของเขาเคยเขียนไว้ว่า “ข้าวสาลีจะราคาสูงขึ้นมาก มนุษย์ผู้นั้นจะกินพี่น้องร่วมชาติของเขา” บทกวีนี้ดูเหมือนจะชี้ให้เห็นว่า ‘อาหารจะมีราคาแพงมาก ในสมัยนั้นเรียกว่า ‘ข้าวสาลี 1 บุเชิล (หน่วยวัดตวงข้าว)’ ทำให้ผู้คนอาจจะต้องกินกันเองเพื่อมีชีวิตอยู่’ สิ่งนี้อาจดูเหมือนฝันร้าย แต่เมื่อพิจารณาจากราคาอาหารพื้นฐานหลายรายการที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในปีนี้ คำทำนายอาจไม่อยู่นอกขอบเขตของความเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามพบว่า ‘การกินเนื้อคนอย่างผิดกฎหมายเกิดขึ้นในสหราชอาณาจักร’
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งถูกบังคับให้ล็อกชั้นวาง ‘Lurpak’ (เนยสดแท้) และเชดดาร์ชีส (เนยแข็ง) จนกลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ และมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ราคาอาหารแซงหน้าค่าไฟเนื่องจากต้นทุนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
- ภัยพิบัติลึกลับบนดาวอังคาร

“เมื่อแสงไฟสวรรค์ของดาวอังคารดับลง” บางคนเชื่อมโยงคำทำนายนี้กับแผนการของเจ้าพ่อเทคโนโลยีอย่าง อีลอน มัสก์ ซึ่งพยายามจะนำยานอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมไปยังดาวอังคารภายในปี 2029
แต่ความพยายามใดๆ ของมัสก์ที่จะตั้งอาณานิคมบนโลกนี้มีแนวโน้มที่จะล้มเหลว ซึ่งตรงตามที่นอสทราดามุส เคยกล่าวไว้ในบทกวีแต่คลุมเครือ ทั้งนี้ นักปรัชญาได้เผยว่า ‘อาจจะมีภัยพิบัติครั้งใหญ่บนดาวอังคาร ถึงขนาดที่ว่าแสงสว่างของดาวดวงนี้จะดับลง’
อย่างไรก็ตาม มันอาจจะเชื่อมโยงกับการค้นพบที่ NASA ปฏิบัติการเมื่อช่วงต้นปี 2023 ก็เป็นได้ หลังจากพบสิ่งมีชีวิตต่างดาวบริเวณปล่องภูเขาไฟบนดาวเคราะห์ดวงนี้ เมื่อยานสำรวจดาวอังคารเพอร์เซอเวียแรนซ์ (Perseverance) ของ NASA พบอินทรียวัตถุหลากหลายชนิดในปล่องภูเขาไฟเจเซโร (Jezero) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ‘มันบ่งชี้ถึงระบบที่ซับซ้อนมากกว่าที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ว่าอาจมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในอดีต’
- การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจนำไปสู่ ‘ภัยแล้ง’ และ ‘น้ำท่วมครั้งใหญ่’

“แผ่นดินแห้งจะแห้งแล้งมากขึ้น และจะมีน้ำท่วมใหญ่เมื่อเห็นสายรุ้ง” แม้ว่าสิ่งนี้กำลังเกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศทั่วโลก แต่นอสทราดามุสก็เห็นว่าโลกทั้งโลกได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศครั้งใหญ่
และแม้แต่ในสหราชอาณาจักรก็ต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนอย่างน่าตกใจเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา จนทำลายสถิติเป็นเดือนกันยายนที่ร้อนแรงที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอมา ขณะที่ลิเบียเองก็กำลังเผชิญหน้ากับน้ำท่วมครั้งใหญ่ หรือแม้กระทั่งไฟป่ารุนแรงในกรีซ แคนาดา และหมู่เกาะเมาวี รัฐฮาวายของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
อย่างไรก็ดี ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่จะจินตนาการได้ไม่ยากเลยว่า ‘ปัญหานี้จะกลายเป็นปัญหาร้ายแรงมากขึ้นในอนาคต โดยที่ทั้งโลกต้องทนทุกข์ทรมานจากภัยแล้งหรือน้ำท่วมในเวลาเดียวกัน’
- การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะนำไปสู่ ‘ความน่าสะพรึงกลัวอันน่าสยดสยอง’

“ไม่ช้าก็เร็วคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่…ความน่าสะพรึงกลัวและการแก้แค้นอันน่าสยดสยอง” นี่เป็นอีกหนึ่งคำทำนายอีกประการหนึ่งของนอสทราดามุสแต่ยังคลุมเครือ และผู้คนก็ไม่เห็นด้วยกับการตีความของบทกวีดังกล่าวด้วย
ในโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่า ‘การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่’ กำลังเกิดขึ้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไปจนถึงภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อม และประเด็นทั้ง 2 นี้อาจก่อให้เกิด ‘ความน่าสะพรึงกลัวและการแก้แค้นอันน่าสยดสยอง’
ทั้งนี้ ในเชิงการเมืองอาจโยงถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯที่มีแต่ขัดแย้งขึ้นเรื่อยๆ ประเด็นขัดแย้งเรื่องดินแดนระหว่างไต้หวันและจีน หรือแม้แต่การพบปะนอกรอบของปูตินและคิมจองอึน เป็นต้น แต่ในเชิงภัยพิบัติสิ่งแวดล้อมมักถูกโยงถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ในส่วนอื่นๆ ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นั้นอาจมีสาเหตุมาจากความไม่สงบในเมืองใหญ่ ในขณะที่เขายังเขียนอีกว่า “เสียงทรัมเป็ตที่สั่นสะเทือนด้วยความไม่พร้อมเพรียงกันอย่างมาก” และ “ข้อตกลงที่ถูกทำลาย” และเวลาเท่านั้นที่จะบ่งชี้ถึงประเด็นดังกล่าวนี้
และนี่ถือเป็นอีกครั้งแล้วที่มีการหยิบยกบทกวีที่ใครหลายๆ คนเชื่อว่า (อาจ) เป็นคำทำนายอนาคตซึ่งผสานเข้ากับความเชื่อ และการเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แน่นอนว่าคำพยากรณ์จากบางบทของนอสทราดามุสกลับตรงกับเหตุการณ์บางอย่างในปัจจุบันหรือเหตุการณ์ที่ผ่านๆ มาอย่างน่าประหลาดใจ แต่เมื่อนำมาเทียบกันก็พบว่ามันตรงหรือเชื่อมโยงกันในหลายๆ เหตุกาณ์เชียวล่ะ
นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทุกอย่างที่เกิดขึ้นลึกๆ แล้วมันเป็นคำทำนายที่นอสทราดามุสต้องการสื่อเหตุการณ์ในอนาคตผ่านบทกวีจริงๆ หรือมันเป็นแค่เรื่องบังเอิญกันล่ะ?