‘น้ำมัน’ พุ่งหลังฮามาสบุกโจมตีอิสราเอล ทวีความตึงเครียดตะวันออกกลาง

9 ต.ค. 2566 - 05:39

  • WTI เพิ่มขึ้นมากถึง 5% จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 1,100 ราย

  • ความเสี่ยงจากสงครามกลับมาอีกครั้งเมื่อภูมิภาคที่ผลิตน้ำมันไม่มั่นคง

oil-jumps-hamas-attack-israel-middle-east-tensions-SPACEBAR-Hero.jpg

ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นมากถึง 5% หลังจากการโจมตีอิสราเอลที่นองเลือดที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ส่งผลให้ความตึงเครียดลุกลามไปทั่วตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของน้ำมันดิบประมาณ 1 ใน 3 ของโลก 

West Texas Intermediate (WTI) ซื้อขายใกล้ระดับ 86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเนื่องจากความเสี่ยงจากสงครามกลับคืนสู่ตลาด ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ฝ่ายภายหลังการโจมตีของกลุ่มฮามาสต่ออิสราเอลเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพุ่งทะลุ 1,100 ราย และการต่อสู้ดำเนินเข้าสู่วันที่ 3 ขณะที่สหรัฐฯ ระบุว่า กำลังส่งเรือรบไปยังภูมิภาคนี้ 

เหตุการณ์ล่าสุดในอิสราเอลไม่ได้เป็นภัยคุกคามของน้ำมันในทันที แต่มีความเสี่ยงที่อาจลุกลามไปถึงสหรัฐฯ และอิหร่าน โดยการตอบโต้ใดๆ ต่อเตหะรานท่ามกลางรายงานที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีดังกล่าวอาจเป็นอันตรายต่อการผ่านของเรือในช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญที่อิหร่านเคยขู่ว่าจะปิด 

วันทนา ฮารี ผู้ก่อตั้งบริษัทวิเคราะห์ Vanda Insights ในสิงคโปร์ กล่าวว่า ขณะที่ต้องคำนึงถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของสงคราม แต่นี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติสำหรับฉัน ความยับยั้งชั่งใจและจิตใจที่สงบเท่านั้นที่เป็นสัญลักษณ์ของผู้ชนะ เพราะมีเพียงแต่คนที่แพ้เท่านั้นที่จะก่อสงครามไปทั่ว 

WTI และการซื้อขายน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้า (Brent Futures) ร่วงลงในเดือนนี้ โดยลดลงประมาณ 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลก่อนการโจมตีอิสราเอล เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงและการชะลอตัวของการเติบโตทำให้แนวโน้มความต้องการลดลง ความกลัวเหล่านั้นบดบังภาวะกระทิงที่กระตุ้นให้เกิดการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในไตรมาสที่ 3 เนื่องจากความสมดุลทางกายภาพตึงตัวขึ้นจากการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่นำโดยซาอุดีอาระเบียเป็นเวลานาน 

นักวิเคราะห์ของ Citigroup Inc. เอ็ด มอร์ และ อีริค ลี กล่าวว่า สงครามอิสราเอล-ฮามาส ลดความคาดหวังที่ซาอุดีอาระเบียจะลดหรือยกเลิกการควบคุมการผลิต 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเช่นกันที่อิสราเอลจะโจมตีอิหร่าน 

การโจมตีเกิดขึ้นหลังจากหลายเดือนแห่งการผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน โดยการขนส่งน้ำมันดิบจากอิหร่านดีดตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยได้รับอิทธิพลจากสหรัฐฯ ไปโดยปริยาย ในสถานการณ์ที่รุนแรง อิหร่านสามารถตอบโต้และมุ่งเป้าไปที่ช่องแคบฮอร์มุซได้ เมื่อช่องทางน้ำมีความสำคัญต่อการเคลื่อนย้ายน้ำมันดิบและคอนเดนเสท (Condensate - กระบวนการที่สสารเปลี่ยนสถานะจากก๊าซเป็นของเหลว) เกือบ 17 ล้านบาร์เรลในแต่ละวัน 

นักวิเคราะห์ของ RBC Capital Markets รวมถึงเฮลิมา ครอฟต์ กล่าวว่า หากอิสราเอลออกมาและมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงต่ออิหร่าน เราเชื่อว่าคงเป็นเรื่องยากสำหรับฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี โจ ไบเดนของสหรัฐฯ ที่จะใช้ระบบการคว่ำบาตรเช่นนี้ต่อไป เราคาดหวังว่านักวิจารณ์ในสภาคองเกรสและที่อื่นๆ จะโต้แย้งว่าทำเนียบขาวกำลังจัดหาเงินทุนให้กับอิหร่านเพื่อสนับสนุนการกระทำที่มุ่งร้ายเช่นนี้ 

เหตุการณ์สุดสัปดาห์สะท้อนให้เห็นในกราฟราคาน้ำมันล่วงหน้า แม้ว่าการเคลื่อนไหวจะไม่รุนแรงมากนัก การซื้อละขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของ WTI ขยับไปที่ 1.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (จาก 1.51 ดอลลาร์ในวันศุกร์)  ซึ่งสูงกว่าราคาของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งเป็นโครงสร้างตลาดที่ส่งสัญญาณถึงความกังวลใจเกี่ยวกับอุปทาน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์