หลังจากสร้างปรากฏการณ์นำพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จนทั่วโลกต่างจับจ้องทิศทางการเมืองไทยว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งแม้ว่า ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ จะไม่ได้รับเลือกให้เป็นนายกฯ คนที่ 30 แต่ก็ยังเป็นที่จับตามองอย่างมากในวงการการเมือง
และเมื่อวันพุธ (13 ก.ย.) ที่ผ่านมานิตยสาร Time ได้เผยรายชื่อผู้นำรุ่นใหม่ประจำปี 2023 จากทั่วโลก 100 คน และ ‘พิธา’ กลายเป็นคนไทยเพียงคนเดียวที่ติดอันดับ ‘TIME100 Next’ บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคตในหมวดหมู่ผู้นำ (Leaders) ที่จะกำหนดอนาคตและเป็นนิยามความเป็นผู้นำของคนรุ่นต่อๆ ไป
“สิ่งเดียวที่น่าทึ่งยิ่งกว่าชัยชนะในการเลือกตั้งของพิธา คือ วาระอันสุดโต่งที่เขาต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย” ชาร์ลี แคมป์เบลล์ นักข่าวของ Time เขียน
แคมป์เบลล์ เขียนอีกว่า “พรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียง 38% ของบัตรลงคะแนนเลือกตั้งไทยเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา จากคำมั่นสัญญาว่าจะควบคุมกองทัพของประเทศ แก้กฎหมายหมิ่นประมาทราชวงศ์มาตรา 112 ซึ่งเป็นที่ถกเถียงในวงกว้าง และยุติการเกณฑ์ทหาร แต่ทว่าธรรมชาติของระบอบประชาธิปไตยสุดซับซ้อนกลับทำให้เส้นทางสู่อำนาจของพิธาถูกขัดขวางโดยวุฒิสภา ทั้งยังต้องเผชิญกับความท้าทายทางกฎหมายมากมาย”
พิธาเผยว่า ‘ความตื่นตัวทางการเมืองของเขาเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนไปเรียนที่นิวซีแลนด์ ซึ่งเขาถูกส่งไปเรียนตั้งแต่ยังเป็นเด็ก’
ในปัจจุบัน แม้ว่าพิธาจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกฯ แต่ขบวนการปฏิรูปที่เขาเป็นผู้นำจะยังสร้างแรงผลักดันต่อไปโดยเฉพาะในหมู่เยาวชนไทย “ผมภูมิใจกับความสำเร็จของเรา และเราสามารถทำอะไรได้อีกมากมายเพื่อตรวจสอบและถ่วงดุลในรัฐสภาและพูดในนามของประชาชน” พิธากล่าว
และเมื่อวันพุธ (13 ก.ย.) ที่ผ่านมานิตยสาร Time ได้เผยรายชื่อผู้นำรุ่นใหม่ประจำปี 2023 จากทั่วโลก 100 คน และ ‘พิธา’ กลายเป็นคนไทยเพียงคนเดียวที่ติดอันดับ ‘TIME100 Next’ บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคตในหมวดหมู่ผู้นำ (Leaders) ที่จะกำหนดอนาคตและเป็นนิยามความเป็นผู้นำของคนรุ่นต่อๆ ไป
“สิ่งเดียวที่น่าทึ่งยิ่งกว่าชัยชนะในการเลือกตั้งของพิธา คือ วาระอันสุดโต่งที่เขาต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย” ชาร์ลี แคมป์เบลล์ นักข่าวของ Time เขียน
แคมป์เบลล์ เขียนอีกว่า “พรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียง 38% ของบัตรลงคะแนนเลือกตั้งไทยเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา จากคำมั่นสัญญาว่าจะควบคุมกองทัพของประเทศ แก้กฎหมายหมิ่นประมาทราชวงศ์มาตรา 112 ซึ่งเป็นที่ถกเถียงในวงกว้าง และยุติการเกณฑ์ทหาร แต่ทว่าธรรมชาติของระบอบประชาธิปไตยสุดซับซ้อนกลับทำให้เส้นทางสู่อำนาจของพิธาถูกขัดขวางโดยวุฒิสภา ทั้งยังต้องเผชิญกับความท้าทายทางกฎหมายมากมาย”
พิธาเผยว่า ‘ความตื่นตัวทางการเมืองของเขาเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนไปเรียนที่นิวซีแลนด์ ซึ่งเขาถูกส่งไปเรียนตั้งแต่ยังเป็นเด็ก’
ในปัจจุบัน แม้ว่าพิธาจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกฯ แต่ขบวนการปฏิรูปที่เขาเป็นผู้นำจะยังสร้างแรงผลักดันต่อไปโดยเฉพาะในหมู่เยาวชนไทย “ผมภูมิใจกับความสำเร็จของเรา และเราสามารถทำอะไรได้อีกมากมายเพื่อตรวจสอบและถ่วงดุลในรัฐสภาและพูดในนามของประชาชน” พิธากล่าว