เปิดช่องโหว่? หน่วยอารักขาทรัมป์รู้อยู่แล้วว่าตึกที่คนร้ายใช้คือ ‘จุดอ่อน’

15 ก.ค. 2567 - 10:36

  • เหตุลอบยิง โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี ทำให้เกิดการตั้งคำถามขึ้นมาถึงการรักษาความปลอดภัยของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง

  • ข้อสงสัยที่ว่า ‘ผู้ก่อเหตุปีนขึ้นไปบนหลังคาได้อย่างไร’ เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่หลายฝ่ายหยิบยกขึ้นมาพูดถึง

rooftop-where-gunman-shot-trump-identified-as-security-vulnerability-SPACEBAR-Hero.jpg

หลังจากเกิดเหตุลอบยิง โดนัลด์ ทรัมป์ แคนดิเดตจากพรรครีพับลิกัน และอดีตประธานาธิบดี ระหว่างปราศรัยหาเสียงที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อคืนวันเสาร์ (13 ก.ค) ตามเวลาท้องถิ่น ท่ามกลางเหตุอันน่าตื่นตระหนกก็มีการตั้งคำถามถึงการรักษาความปลอดภัยในการจัดงานและการอารักขาอดีตประธานาธิบดี 

หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯ (United States Secret Service / USSS) ออกมาเผยว่า บริเวณหลังคาที่มือปืนยิงทรัมป์ระหว่างการหาเสียงนั้นอาจเป็น ‘จุดอ่อน’ ได้ในช่วงไม่กี่วันก่อนจะเกิดเหตุ

อาคารดังกล่าวซึ่งเป็นของบริษัทวิจัยกระจกตั้งอยู่ติดกับ ‘บัตเลอร์ ฟาร์ม โชว์’ (Butler Farm Show) สถานที่จัดงานกลางแจ้งในเมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งแหล่งข่าว 2 รายที่ทราบเกี่ยวกับปฏิบัติการของหน่วย USSS เผยกับสำนักข่าว NBC News ว่า หน่วย USSS ทราบถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับอาคารนี้

“ควรมีคนอยู่บนหลังคาหรือคอยรักษาความปลอดภัยของอาคารเพื่อไม่ให้ใครขึ้นไปบนหลังคาได้” แหล่งข่าวคนหนึ่งซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วย USSS ที่คุ้นเคยกับการวางแผนดังกล่าว เผย 

การทำความเข้าใจว่ามือปืนขึ้นไปบนหลังคาได้อย่างไรแม้จะมีข้อกังวลเหล่านั้น ถือเป็นคำถามสำคัญที่ผู้สืบสวนต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามือปืนเพียงคนเดียวสามารถยิงทรัมป์ได้อย่างไรในงานหาเสียงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

rooftop-where-gunman-shot-trump-identified-as-security-vulnerability-SPACEBAR-Photo01.jpg
Photo: Photo by Satellite image ©2024 Maxar Technologies / AFP / ภาพถ่ายทางดาวเทียมของบริษัทเทคโนโลยีอวกาศ ‘Maxar Technologies’ เผยให้เห็นภาพรวมของสถานที่จัดงานกลางแจ้ง ‘บัตเลอร์ ฟาร์ม โชว์’ (Butler Farm Show) ในเมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2023 ซึ่งเป็นสถานที่ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ แคนดิเดตจากพรรครีพับลิกันและอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จัดเวทีปราศรัยขึ้นเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2024

หน่วยงานรักษาความปลอดภัยในพื้นที่โบ้ยกันไปมา

“หน่วย USSS ได้ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในพื้นที่เพื่อรักษาความปลอดภัยในงาน รวมทั้งส่งทีมซุ่มยิงไปประจำบนหลังคาเพื่อระบุและกำจัดภัยคุกคาม” แอนโธนี กูกลิเอลมี โฆษกหน่วย USSS กล่าว แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดประจำการอยู่ที่อาคารที่มือปืนอยู่ ซึ่งอยู่นอกขอบเขตความปลอดภัยของงาน แต่ห่างจากเวทีเพียง 135 เมตรเท่านั้น และยังอยู่ในระยะของปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติแบบเดียวกับที่มือปืนพกมา 

“หน่วย USSS ได้กำหนดให้หลังคาดังกล่าวอยู่ภายใต้เขตอำนาจของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นแนวทางปฏิบัติทั่วไปในการรักษาความปลอดภัยการชุมนุมกลางแจ้ง” กูกลิเอลมีกล่าว 

แต่ ริชาร์ด โกลดิงเกอร์ อัยการเขตบัตเลอร์ กล่าวว่า สำนักงานของเขามีทีมหน่วยบริการฉุกเฉิน ซึ่งส่งทีมซุ่มยิง 4 ทีมและทีมของเขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว” แต่เขากล่าวว่า เจ้าหน้าที่หน่วย USSS เป็นผู้รับผิดชอบด้านความปลอดภัยภายนอกสถานที่จัดงาน “พวกเขาประชุมกันในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น หน่วย USSS ทำหน้าที่ควบคุมงาน พวกเขาเป็นคนกำหนดว่าใครต้องทำอะไร ในลำดับชั้นการบังคับบัญชา พวกเขาเป็นหัวหน้า พวกเขาเป็นหมายเลข 1” โกลดิงเกอร์กล่าว 

โกลดิงเกอร์เสริมอีกว่า ผู้บัญชาการหน่วยบริการฉุกเฉินบอกเขาว่าหน่วยนี้ไม่รับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยบริเวณนอกสถานที่จัดงาน “สำหรับผมแล้ว ทุกอย่างอยู่ภายใต้เขตอำนาจของหน่วย USSS และพวกเขาจะกำหนดขอบเขตจากตรงนั้น”  

อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วย USSS กล่าวว่า “แม้ว่าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในพื้นที่จะทำพลาดก็ตาม แต่หน่วยงานก็มีส่วนรับผิดชอบ” 

เกิดการตั้งคำถามครั้งใหญ่เกี่ยวกับความล้มเหลวในการรักษาความปลอดภัย

“คำถามของผมก็คือ ผู้ก่อเหตุขึ้นไปบนหลังคาได้ยังไงโดยไม่มีใครรู้เห็น” แอนโธนี แคนเกโลซี อดีตเจ้าหน้าที่หน่วย USSS ที่เคยทำงานด้านการปกป้องข้อมูลให้กับแคนดิเดตประธานาธิบดีกล่าว 

หน้าที่หลักๆ ของหน่วย USSS เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้นเริ่มต้นด้วยการวางแผนล่วงหน้า การตั้งขอบเขตความปลอดภัย และการจัดวางทีมในพื้นที่และบนหลังคา ซึ่งมักจะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ ตลอดจนการจัดวางกำลังภาคพื้นดินประกอบด้วยทีมตอบโต้การโจมตี และเจ้าหน้าที่บนหลังคาประกอบด้วยทีมตอบโต้สไนเปอร์ 

กูกลิเอลมี โฆษกหน่วย USSS กล่าวว่า “ทีมมีเจ้าหน้าที่ต่อต้านการโจมตี 2 นายอยู่ในงานปราศรัย และเสริมกำลังด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยยุทธวิธีประจำเขตบัตเลอร์อย่างน้อย 6 นาย นอกจากนี้ หน่วย USSS ยังได้ส่งหน่วยตอบโต้สไนเปอร์ 2 หน่วยเข้าไปประจำการด้วย” 

“ผมไม่ชอบที่จะตั้งสมมติฐานใดๆ แต่ดูเหมือนว่าจะมีข้อผิดพลาดบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้สามารถป้องกันได้” แคนเกโลซีกล่าว 

แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่จะมอบหมายให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ออกตรวจตราบริเวณนอกขอบเขตความปลอดภัยของงาน

แต่แคนเกโลซีบอกว่า

“ความรับผิดชอบขั้นสุดท้ายในการรับรองว่าช่องโหว่ทั้งหมดได้รับการคุ้มครองนั้นเป็นของหน่วย USSS หากทีมส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำที่อาคารที่มือปืนซุ่มอยู่ ก็มีแนวโน้มว่าผู้ก่อเหตุอาจจะไม่พยายามก่อเหตุแม้แต่น้อย”

“คุณไม่ควรปล่อยให้ตำรวจท้องที่มีอำนาจตัดสินใจเองว่าควรทำอะไร พูดอีกอย่างก็คือ พวกคุณมีอำนาจหน้าที่รอบนอก แต่คุณคงจะบอกว่า ‘เราต้องการเจ้าหน้าที่บนหลังคา’ ไม่ มันไม่ใช่ นั่นเป็นความรับผิดชอบของคุณ ทำในสิ่งที่เห็นว่าเหมาะสม” 

จิม คาเวอนอห์ อดีตเจ้าหน้าที่พิเศษในสำนักแอลกอฮอล์ ยาสูบ อาวุธปืน และวัตถุระเบิด บอกกับ NBC News ว่า “แม้ว่าหน่วย USSS จะทำหน้าที่ได้ดีในการจัดการกับมือปืนหลังจากที่มีเหตุยิงเกิดขึ้น แต่การที่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมจัดวางกำลังพลไว้ในอาคารที่ผู้ก่อเหตุปีนขึ้นไปนั้น ถือเป็น ‘ความผิดพลาดครั้งใหญ่’ วิธีเดียวที่จะหยุดสิ่งนั้นได้คือคุณต้องมีคนจำนวนมาก คุณต้องไปถึงที่นั่นก่อน และคุณต้องควบคุมพื้นที่สูง นี่เป็นเรื่องพื้นฐาน และหน่วย USSS ก็ทำสำเร็จมาหลายปีแล้ว ดังนั้น ผมจึงแปลกใจมากที่พวกเขาไม่ได้ควบคุมพื้นที่สูงนั้น”

rooftop-where-gunman-shot-trump-identified-as-security-vulnerability-SPACEBAR-Photo02.jpg
Photo: Photo by Anna Moneymaker / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP

“เรื่องนี้ทำให้เกิดความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการที่มือปืนสามารถขึ้นไปบนหลังคาได้ในระยะอันใกล้และอยู่ในแนวตรงต่อสถานที่ที่ทรัมป์กำลังพูดได้อย่างไร” มาร์ก กรีน ประธานคณะกรรมการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ เขียนในจดหมายถึง อเลฮานโดร เมเยอร์กาส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ 

สมาชิกรัฐสภาอีกคนหนึ่งคือ รูเบน กัลเลโก จากพรรคเดโมแครต รัฐแอริโซนา ก็ได้เขียนจดหมายถึง คิมเบอร์รี ชีทเทิล เพื่อสอบถามว่าใครเป็นผู้อนุมัติแผนรักษาความปลอดภัย มีการประเมินภัยคุกคามอย่างเหมาะสมหรือไม่ ผู้เข้าร่วมปราศรัยได้แจ้งเตือนหรือไม่ และมีการละเมิดระเบียบปฏิบัติใดๆ ที่ทำให้เกิดการโจมตีหรือไม่ 

โรเบิร์ต แมคโดนัลด์ อดีตเจ้าหน้าที่หน่วย USSS ที่เคยทำหน้าที่คุ้มครอง โจ ไบเดน เมื่อครั้งที่เขายังเป็นรองประธานาธิบดี เปิดเผยกับ NBC News ว่า “หน่วย USSS จะต้องถามคำถามยากๆ บางอย่างกับตัวเอง และเตรียมพร้อมที่จะยืนหยัดและอธิบายถึงสาเหตุและสิ่งที่เกิดขึ้น” แมคโดนัลด์กล่าว 

นอกจากนี้ แคนเกโลซี อดีตเจ้าหน้าที่หน่วย USSS เผยอีกว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนยังมีแนวโน้มที่จะสอบถามตอนที่ทีมเจ้าหน้าที่ระบุตัว โทมัส แมทธิว ครูกส์ ผู้ก่อเหตุวัย 20 ปีว่าเป็นภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ พวกเขาตอบสนองอย่างไร และมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเขาจะจัดการครูกส์ได้ก่อนที่เขาจะยิงทรัมป์ นักแม่นปืนของหน่วย USSS ได้รับการฝึกฝนให้ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เป็นไปได้ว่าหากพวกเขาสังเกตเห็นครูกส์อยู่บนหลังคา แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเขามีปืนไรเฟิลหรือไม่ เจ้าหน้าที่อาจรอยิงเขา 

“หากนักแม่นปืนของทีมไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุมีปืนหรือไม่ เขาก็จะไม่ยิงผู้ก่อเหตุ...คุณต้องแน่ใจว่ามีภัยคุกคามเกิดขึ้นจริงๆ หากมีความไม่แน่นอน ทีมซุ่มยิงอาจส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจดูและทำการยืนยัน แต่การตรวจสอบภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นอาจใช้เวลาหลายนาที ในขณะที่มือปืนที่ถือปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติสามารถยิงได้หลายนัดในเวลาไม่กี่วินาที”  

“นั่นเป็นสาเหตุที่การป้องกันที่ดีที่สุดคือ การวางแผนล่วงหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้มือปืนก่อเหตุตั้งแต่แรก” แคนเกโลซีกล่าว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์