รัสเซียได้เริ่มการผลิตหลุมหลบภัยเคลื่อนที่จำนวนมาก ซึ่งสามารถป้องกันตัวเองจากภัยคุกคามหลากหลายรูปแบบ รวมถึงคลื่นกระแทกและรังสีจากการระเบิดนิวเคลียร์ หลังรัสเซียเปลี่ยนแปลงหลักการนิวเคลียร์ของประเทศ โดยกำหนดเงื่อนไขใหม่ว่า ‘การรุกรานจากรัฐที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ แต่มีประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์เข้าร่วม ถือ เป็นการโจมตีรัสเซียร่วมกัน’
สถาบันวิจัยของกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินระบุว่า หลุมหลบภัย ‘KUB-M’ มีลักษณะเหมือนตู้คอนเทนเนอร์ประกอบด้วยโมดูล 2 โมดูล ได้แก่ ห้องสำหรับ 54 คนและบล็อกทางเทคนิค ขนส่งได้ง่ายด้วยรถบรรทุก และสามารถใช้งานได้ในชั้นดินเยือกแข็งทางเหนืออันกว้างใหญ่ของรัสเซียอีกด้วย
นอกจากนี้ ที่หลบภัย ‘KUB-M’ ยังสามารถป้องกันอันตรายจากธรรมชาติ และฝีมือมนุษย์ รวมถึงระเบิดและสะเก็ดระเบิดจากอาวุธทั่วไป เศษซากจากอาคารที่ร่วงหล่น สารเคมีอันตราย และเพลิงไหม้ได้นานถึง 48 ชั่วโมง
ทว่าการเคลื่อนพลครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับวิกฤตสงครามใดๆ ในปัจจุบัน แม้ว่าการประกาศดังกล่าวของรัสเซียจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯ ตกลงที่จะอนุญาตให้ยูเครนยิงขีปนาวุธพิสัยไกล (ATACMS) ของสหรัฐฯ เข้าไปในดินแดนรัสเซีย ซึ่งรัสเซียกล่าวว่าเป็นการตัดสินใจที่ประมาทและเสี่ยงต่อการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3
รัฐบาลรัสเซียเผยว่ายูเครนได้ยิง ATACMS โจมตีดินแดนของรัสเซียเป็นครั้งแรกเมื่อคืนวันอังคาร (19 พ.ย.) เวลา 03.25 (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บ โดยเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่สหรัฐฯ อนุมัติให้ยูเครนใช้ ATACMS โจมตีภายในดินแดนรัสเซีย
กระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้มีเป้าหมายที่ภูมิภาคบรีอันสค์ ซึ่งติดกับยูเครนทางตอนเหนือในเช้าวันอังคาร รายงานระบุว่ามีขีปนาวุธ 5 ลูกถูกยิงตก และมี 1 ลูกที่สร้างความเสียหาย เนื่องจากสะเก็ดขีปนาวุธทำให้เกิดเพลิงไหม้ที่ฐานทัพทหาร
ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐ 2 รายเผยว่า สัญญาณเบื้องต้นบ่งชี้ว่ารัสเซียสกัดกั้นขีปนาวุธได้เพียง 2 ลูกจากทั้งหมด 8 ลูกที่ยูเครนยิงออกไป ก่อนหน้านี้ กองทัพยูเครนได้ยืนยันว่าได้โจมตีคลังกระสุนในภูมิภาคบรีอันสค์ของรัสเซีย แต่ไม่ได้ระบุว่ามีการใช้ ATACMS หรือไม่
เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวหาสหรัฐฯ ว่าพยายามที่จะทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น “การที่ ATACMS ถูกยิงซ้ำแล้วซ้ำเล่าในชั่วข้ามคืนในภูมิภาคบรีอันสค์นั้นเป็นสัญญาณว่าพวกเขา (สหรัฐฯ) ต้องการยกระดับสถานการณ์ และหากไม่มีชาวอเมริกัน การใช้ขีปนาวุธไฮเทคเหล่านี้เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ดังที่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เคยพูดไว้หลายครั้ง”
Photo by YASUYOSHI CHIBA / AFP