‘แซม แบงค์แมน-ฟรายด์’ เจ้าพ่อคริปโทเคอร์เรนซีที่ฉ้อโกงทางการเงินครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ถูกตัดสินจำคุก 25 ปีและถูกริบทรัพย์สินมูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ สหรัฐ (ราว 4 แสนล้านบาท) ขณะที่ทนายความของเขาย้ำว่าจะอุทธรณ์คำพิพากษาในวันเดียวกัน
ผู้พิพากษา ‘ลูอิส แคปแลน’ อ่านคำตัดสินในห้องพิจารณาคดีในแมนฮัตตันเมื่อวันพฤหัสบดี (28 มี.ค.) แบงค์แมน-ฟรายด์ อดีตผู้บริหารระดับสูงของ ‘FTX’ บริษัทแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ล้มละลายในขณะนี้ ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิดในการฟอกเงินเมื่อปลายปีที่แล้ว
ในระหว่างการพิจารณาคดี ผู้พิพากษาแคปแลนอธิบายว่า “แบงค์แมน-ฟรายด์นั้นเป็นอัจฉริยะด้านการคำนวณที่แสวงหาอำนาจอิทธิพลและจงใจกระทำความผิด แม้ว่าเขาจะออกมาขอโทษสำหรับการล่มสลายของ ‘FTX’ โดยกล่าวว่า ‘เขาทำการตัดสินใจที่ไม่ดีหลายครั้ง’”
“เขารู้ว่ามันผิด เขารู้ว่ามันเป็นความผิดทางอาญา เขาไม่เคยสำนึกผิดเลยสำหรับอาชญากรรมของเขา” ผู้พิพากษาแคปแลนกล่าว
แบงค์แมน-ฟรายด์กล่าวคำขอโทษอย่างแผ่วเบา พร้อมทั้งกล่าวโทษวิกฤตที่ ‘FTX’ ว่าเกิดจากการจัดการที่ผิดพลาด และบอกว่า ‘เขาขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขายกย่องอดีตพนักงานและผู้บริหารของเขา รวมถึง ‘แกรี หวาง’ ผู้ร่วมก่อตั้ง และ ‘แคโรไลน์ เอลลิสัน’ อดีตแฟนสาวของเขา ซึ่งทั้ง 2 คนให้การเป็นพยานปรักปรำเขาในการพิจารณาคดี ทั้งนี้ แบงค์แมน-ฟรายด์อ้างว่าเขาหวังจะสามารถช่วยคืนเงินให้กับลูกค้าได้ แต่ก็ยอมรับว่าเขาไม่อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจอีกต่อไป
ขณะที่ มาร์ค มูกาซีย์ ทนายฝ่ายจำเลยของแบงค์แมน-ฟรายด์พยายามวาดภาพอดีตเจ้าพ่อคริปโทฯ ให้เป็นบุคคลที่อ่อนไหวและมีจิตใจดีที่ทำผิดพลาด เขาอธิบายว่า “แบงค์แมน-ฟรายด์เป็นเด็กเนิร์ดคณิตฯ ผู้รักสัตว์ วิดีโอเกมและมีชีวิตเพื่อมอบให้ผู้อื่น” นอกจากนี้ มูกาซีย์ยังอ้างถึงความอึดอัดใจทางสังคมและความหดหู่ของ แบงค์แมน-ฟรายด์ว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาถูกเข้าใจผิด
อย่างไรก็ดี การอุทธรณ์ดูเหมือนจะไม่ส่งผลต่อผู้พิพากษาแคปแลน แม้ว่าแคปแลนจะพิจารณาว่า แบงค์แมน-ฟรายด์เป็นโรคออทิสติกและเข้าสังคมได้ยาก แต่แบงค์แมน-ฟรายด์กลับก่ออาชญากรรมร้ายแรงมาก โดยผู้พิพากษาแคปแลนอธิบายว่า “แบงค์แมน-ฟรายด์มาจากภูมิหลังที่มีสิทธิพิเศษเป็นพิเศษ โดยอ้างอิงถึงพ่อแม่ที่เป็นศาสตราจารย์ด้านกฎหมายของเขาซึ่งอยู่ในห้องพิจารณาคดี และใช้สติปัญญาของเขาในการคำนวณความน่าจะเป็นที่เขาจะสามารถรอดพ้นจากการก่ออาชญากรรมของเขาได้”
ผู้พิพากษาแคปแลนแยกคำให้การของแบงค์แมน-ฟรายด์ในระหว่างการพิจารณาคดีอาญาเพื่อเป็นหลักฐานว่าอดีตมหาเศรษฐีรายนี้ไม่มีเจตนาที่จะรับผิดชอบต่ออาชญากรรมของเขา พร้อมกล่าวว่าเขามองเห็นความเสี่ยงที่แบงค์แมน-ฟรายด์จะทำผิดมากขึ้นอีกในอนาคตหากสามารถทำได้
ทั้งนี้ อัยการขอให้ศาลพิพากษาจำคุกระหว่าง 40-50 ปี โดยให้เหตุผลว่า “แบงค์แมน-ฟรายด์วัย 32 ปี แสดงให้เห็นว่าไม่สำนึกผิดต่ออาชญากรรมของเขา ขณะเดียวกันก็ดำเนินชีวิตแบบ ‘โลภและความโอหังที่ไม่มีใครเทียบได้’ ” ในถ้อยแถลงภายหลังการตัดสิน ‘เดเมียน วิลเลียมส์’ อัยการสูงสุดกล่าวว่า “คำตัดสินของแบงค์แมน-ฟรายด์จะป้องกันไม่ให้จำเลยกระทำการฉ้อโกงอีกเลย”
ในการโต้แย้งก่อนการพิพากษาเมื่อเดือนที่แล้ว ทนายความของแบงค์แมน-ฟรายด์เรียกร้องให้ผู้พิพากษาแสดงความผ่อนปรน โดยกล่าวว่าโทษจำคุกสูงสุดที่ลูกความของเขาได้รับโทษจำคุก 100 ปีนั้นถือเป็น ‘โทษที่แปลกประหลาด’ ” ทนายความของแบงค์แมน-ฟรายด์กำลังพยายามหาวิธีให้โทษจำคุกเหลือประมาณ 7 ปี
ผู้พิพากษาแคปแลนส่งแบงค์แมน-ฟรายด์ไปยังเรือนจำที่มีความปลอดภัยปานกลางหรือต่ำในบริเวณอ่าวซานฟรานซิสโกเพื่อให้ครอบครัวสามารถเยี่ยมได้
มิทเชลล์ เอปเนอร์ อดีตอัยการรัฐบาลกลางกล่าวกับ CNN ว่า คดีของรัฐบาลกลางไม่มีทัณฑ์บน แต่นักโทษอาจลดโทษจำคุกลงได้หากมีความประพฤติดี “แบงค์แมน-ฟรายด์อาจได้รับโทษเพียง 12.5 ปี หากเขาได้รับ ‘Jail credit’ (สิทธิ์ในการหักจำนวนวันที่ถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษา เช่น ระหว่างการพิจารณาคดีติดคุกไปแล้วไปแล้ว 50 วัน และต่อมาศาลตัดสินจำคุก 90 วัน ก็จะหักวันที่ถูกคุมขังไปแล้ว 50 วันออก ดังนั้นจะเหลือเวลาจำคุกอีก 40 วัน) ”
Photo by ANGELA WEISS / AFP
