หลังปฏิบัติการ Operation Midnight Hammer ถล่มโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่าน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ย้ำอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า การโจมตีของสหรัฐฯ ทำลายโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน “ความเสียหายครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับสถานที่ผลิตพลังงานนิวเคลียร์ทั้งหมดในอิหร่าน ดังที่แสดงไว้ในภาพถ่ายดาวเทียม ต้องเรียกว่าทำลายล้างถึงจะถูกต้อง ความเสียหายครั้งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นลึกลงไปใต้ระดับพื้นดิน เข้าเป้า!!!”
ส่วนฝั่งอิหร่านนั้น เจ้าหน้าที่บางคนบอกว่าโรงงานนิวเคลียร์ได้รับความเสียหายเล็กน้อยเท่านั้น
แล้วภาพถ่ายทางดาวเทียมหลังการโจมตีบอกอะไรเราบ้าง
โรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์ (Fordow)

ฟอร์โดว์เป็นโรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมที่สำคัญที่สุดของอิหร่าน สร้างอยู่ภายในหุบเขาเพื่อป้องกันการโจมตี ห้องโถงหลักอยู่ลึกลงไปใต้ดินราว 80-90 เมตร เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งเผยกับสำนักข่าว CNN ว่า สหรัฐฯ ใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน B-2 จำนวน 6 ลำทิ้งระเบิดทำลายบังเกอร์ (bunker buster) GBU-57 จำนวน 12 ลูกบอมบ์ฟอร์โดว์
ภาพถ่ายดาวเทียมโดยบริษัท Maxar Technologies เผยให้เห็นหลุมอย่างน้อย 6 หลุมที่โรงงานฟอร์โดว์ โดยสามารถมองเห็นได้จากสันเขาที่ทอดยาวเหนือพื้นที่ใต้ดิน
เดวิด อัลไบรท์ ประธาน สถาบันวิทยาศาสตร์และความมั่นคงระหว่างประเทศ (ISIS) เผยกับ CNN ว่า ภาพถ่ายดาวเทียมบ่งชี้ว่า “ห้องเสริมสมรรถนะและห้องที่อยู่ติดกันซึ่งใช้รองรับการเพิ่มสมรรถนะอาจได้รับความเสียหายหนัก” และว่าเป็นไปได้อย่างมากว่าห้องโถลงใต้ดินจะเสียหายทั้งหมด แต่การประเมินความเสียหายทั้งหมดต้องใช้เวลา
เอ็น. อาร์. เจนเซน-โจนส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธและประธานบริษัทด้านการวิจัย Armament Research Services (ARES) เผยว่า มีหลุมอย่างน้อย 6 จุดในฟอร์โดว์หลังการโจมตีของสหรัฐฯ “หลุมตรงกลางที่ใหญ่กว่าในสองกลุ่มมีรูปร่างไม่สม่ำเสมอและบ่งชี้ว่ามีกระสุนหลายนัดที่โจมตีในตำแหน่งเดียวกันซ้ำๆ”
นอกจากนี้ ภายถ่ายดาวเทียมยังแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสีของไหล่เขาบริเวณที่โรงงานตั้งอยู่อย่างชัดเจน บ่งบอกว่าพื้นที่บริเสณกว้างถูกปกคลุมด้วยชั้นเถ้าถ่านสีเทาหลังการโจมตี
การวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมก่อนการโจมตีของสหรัฐฯ ของ CNN พบว่า อิหร่านเสริมความแข็งแกร่งให้ทางเข้าอุโมงค์ซึ่งเชื่อว่าเป็นทางไปสู่โรงงานใต้ดิน ราวกับเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีกองดินกองอยู่หน้าทางเข้าอย่างน้อย 2 แห่งจากทั้งหมด 6 แห่ง
โรงงานนิวเคลียร์นาทันซ์ (Natanz)

โรงงานแห่งนี้เป็นศูนย์เสริมสมรรถนะนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดของอิหร่าน และเพิ่งถูกอิสราเอลโจมตีเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา (อาคารที่อยู่บนพื้นดินเสียหาย) โรงงานแห่งนี้มีอาคารที่อยู่เหนือพื้นดิน 6 อาคาร และโครงสร้างใต้ดินอีก 3 แห่งซึ่งเป็นที่ตั้งของเครื่องหมุนเหวี่ยงที่เปลี่ยนยูเรเนียมให้เป็นพลังงานนิวเคลียร์
ในปฏิบัติการ Operation Midnight Hammer สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดทำลายบังเกอร์ 2 ลูกถล่มนาทันซ์ และเรือดำน้ำยังกระหน่ำยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์ก 30 ลูกใส่ทั้งนาทันซ์และอิสฟาฮานซึ่งเป็นอีกเป้าหมายหนึ่งของสหรัฐฯ
การวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมของ CNN พบว่ามีหลุมใหม่อีก 2 หลุม ซึ่งดูเหมือนว่าจะเกิดจากระเบิดทำลายบังเกอร์ หลุมทั้งสองหลุม หลุมหนึ่งเส้นผ่านศูนย์กลางราว 5.5 เมตร อีกหลุมหนึ่งเส้นผ่านศูนย์กลางราว 3.2 เมตร อยู่เหนือส่วนหนึ่งของอาคารที่อยู่ใต้ดิน
อย่างไรก็ดี ขอบเขตความเสียหายใต้ดินในบริเวณดังกล่าวยังไม่ชัดเจนในขณะนี้
โรงงานอิสฟาฮาน

โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ตอนกลางของอิหร่าน เป็นศูนย์วิจัยนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีนักวิทยาศาสตร์ทำงานอยู่ที่นี่ราว 3,000 คน คาดว่าเป็น “ศูนย์กลางของโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน”
การวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมของ CNN พบว่า มีโครงสร้างอย่างน้อย 18 แห่งถูกทำลายหรือถูกทำลายบางส่วน และมีสีเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากเศษดินเศษหินที่แตกกระจายตกลงมาอันเนื่องมาจากการระเบิด
อัลไบรท์เผยว่า รายงานเบื้องต้นพบว่าสหรัฐฯ ถล่มอุโมงค์ใกล้กับโรงงานอิสฟาฮานซึ่งมักเป็นที่เก็บยูเรเนียมที่เสริมสมรรถนะแล้วด้วย หากได้รับการยืนยันจะแสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ พยายามทำลายยูเรเนียมที่เสริมสมรรถนะ 20-60% ของอิหร่านด้วย (ยูเรเนียมที่ใช้ผลิตอาวุธต้องเสริมสมรรถนะ 90%)
การประเมินครั้งล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์โดยสถาบันวิทยาศาสตร์และความมั่นคงระหว่างประเทศระบุว่า อิสฟาฮา “เสียหายหนัก” และว่า โรงงานแปรรูปยูเรเนียมหลักของอิสฟาฮานที่เปลี่ยนยูเรเนียมธรรมชาติให้อยู่ในรูปของยูเรเนียมที่ใส่เข้าไปในเครื่องเหวี่ยง “เสียหายหนัก”
นอกจากนี้ ทางเข้าอุโมงค์ที่นำไปสู่พื้นที่ใต้ดินก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน โดยทางเข้าอุโมงค์อย่างน้อย 3 จาก 4 แห่งพังทลายลงมา
กิจกรรมที่ผิดปกติ
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า อิหร่านอาจขนย้ายยูเรเนียมที่เสริมสมรรถนะเข้าใกล้ระดับที่จะผลิตอาวุธได้ออกจากโรงงานฟอร์โดว์ก่อนที่สหรัฐฯ จะทิ้งระเบิดถล่ม และอาจซ่อนยูเรเนียมเหล่านี้และส่วนประกอบนิวเคลียร์อื่นๆ ไว้ในสถานที่ที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบนิวเคลียร์ของอิสราเอล สหรัฐฯ และสหประชาชาติไม่ทราบ
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ภาพถ่ายดาวเทียมจาก Maxar Technologies แสดงให้เห็น “กิจกรรมที่ผิดปกติ” ที่ฟอร์โดว์ในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ โดยมียานพาหนะจำนวนมากจอดรออยู่หน้าทางเข้าโรงงาน แหล่งข่าวระดับสูงของอิหร่านเผยกับสำนักข่าว Reuters เมื่อวันอาทิตย์ว่า ยูเรเนียมเสริมสมรรถนะ 60% ส่วนใหญ่ถูกเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ที่ไม่เปิดเผยก่อนที่สหรัฐฯ จะโจมตี
Photo by Satellite image ©2025 Maxar Technologies / AFP