นักการทูตเปิดเผยเมื่อวันพุธ (24 ม.ค.) ว่า เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 70 ปีที่มีการเปิดร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในซาอุดีอาระเบีย ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของการเปิดเสรีทางสังคมในราชอาณาจักรซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในศาสนาอิสลาม
ร้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านการทูตของกรุงริยาด และถึงแม้ว่าจะให้บริการแก่นักการทูตที่ไม่ใช่มุสลิมโดยเฉพาะ แต่ก็สอดคล้องกับแผนของมกุฎราชกุมารมุฮัมมัด บิน ซัลมาน ที่ต้องการเปลี่ยนซาอุดีอาระเบียให้กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เจริญรุ่งเรือง ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจมีความหลากหลายนอกจากการพึ่งพาน้ำมันดิบ
นักการทูตรายรายหนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยชื่อบอกกับสำนักข่าว AP ว่า “ได้ไปเยี่ยมชมร้านค้าดังกล่าวและเปรียบเทียบบรรยากาศของร้านดังกล่าวกับร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินนานาชาติหลัก ปัจจุบันทางร้านจำหน่ายสุรา ไวน์ และเบียร์เพียง 2 ประเภทเท่านั้น ลูกค้าจะต้องแสดงบัตรประจำตัวทางการทูต และต้องเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋าขณะอยู่ภายในร้าน”
ทั้งนี้ ยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการจากทางการซาอุดีอาระเบียเกี่ยวกับการเปิดร้านแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับรายงานจากสื่อของรัฐ Arab News ที่ระบุกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับนักการทูต กฎเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการนำเข้าเครื่องดื่มดังกล่าวภายในสินค้าฝากขายทางการทูต และมีผลบังคับใช้เมื่อวันจันทร์ (22 ม.ค.)
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า “นักการทูตมักนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านบริการพิเศษเพื่อการบริโภคในสถานที่ทางการทูต ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้จึงหันไปซื้อจากแหล่งที่ผิดกฎหมายหรือกลั่นเบียร์เอง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะโดนบทลงโทษที่รุนแรง เช่น โทษจำคุกเป็นเวลานาน ค่าปรับจำนวนมาก การเฆี่ยนตีในที่สาธารณะ และการเนรเทศ”
การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งต้องห้ามในศาสนาอิสลาม และซาอุดีอาระเบียยังคงเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศทั่วโลกที่มีการห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข้มงวด เช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างคูเวตและเมืองชาร์จาห์ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยซาอุดีอาระเบียแบนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1950
