นักวิทย์ฯ เผยกำหนด ‘วันสิ้นโลก’ ที่จะทำลายล้างมวลมนุษยชาติทั้งหมด

27 ก.ย. 2566 - 08:25

  • การศึกษาใหม่ระบุว่า มนุษย์จะสูญพันธุ์บนโลกในอีก 250 ล้านปี แต่ผลลัพธ์นั่นมาจากการที่มนุษย์เราหยุดการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลใน ‘ตอนนี้’

scientists-date-earth-mass-extinction-wipes-all-humans-SPACEBAR-Hero.jpg

การศึกษาใหม่ระบุว่า มนุษย์จะสูญพันธุ์บนโลกในอีก 250 ล้านปี แต่มนุษย์เราต้องหยุดการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลใน ‘ตอนนี้’  เท่านั้น ไม่เช่นนั้นเวลานี้จะขยับมาเร็วขึ้น 

ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยบริสตอล รายงานว่า การจำลองด้วยคอมพิวเตอร์แนะนำว่าโลกของเราจะเผชิญกับการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่จะกวาดล้างสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหมด สิ่งมีชีวิตใดๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกในเวลานี้จะต้องรับมือกับอุณหภูมิระหว่าง 40 องศาเซลเซียส ถึง 70 องศาเซลเซียส  

อย่างไรก็ตาม การคำนวณของพวกเขาไม่ได้คำนึงถึงก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล และแหล่งอื่นๆ ที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ ดังนั้นวันที่เราจะสูญพันธุ์อาจจะใกล้เข้ามามากกว่านี้อีก  

มันจะเป็นการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ครั้งแรกนับตั้งแต่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์เมื่อประมาณ 66 ล้านปีก่อน เมื่อโลกถูกโจมตีด้วยหินอวกาศขนาดมหึมา การศึกษาครั้งใหม่นี้นำโดย อเล็กซานเดอร์ ฟาร์นสเวิร์ธ ผู้ร่วมวิจัยอาวุโสจากคณะวิชาภูมิศาสตร์ศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยบริสตอล 

ฟาร์นสเวิร์ธ กล่าวว่า แนวโน้มในอนาคตอันไกลโพ้นดูมืดมนมาก ระดับคาร์บอนไดออกไซด์อาจเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 2 เท่า ‘มนุษย์’ เช่นเดียวกับสายพันธุ์อื่นๆ อีกมากมาย จะสูญพันธุ์เนื่องจากไม่สามารถระบายความร้อนนี้ออกทางเหงื่อ และทำให้ร่างกายเย็นลงได้ 

นักวิจัยระบุด้วยว่า ในอีก 250 ล้านปี ทวีปทั้งหมดของโลกจะเคลื่อนตัวมารวมกันจนกลายเป็นทวีปใหญ่ที่เรียกว่า Pangea Ultima แผ่นดินโลกจะมีรูปร่างคล้ายโดนัทโดยมีทะเลอยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นสิ่งที่เหลืออยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกที่เคยยิ่งใหญ่ ขณะเดียวกัน มหาสมุทรแปซิฟิกที่อยู่โดยรอบก็จะกินพื้นที่ส่วนใหญ่ของพื้นผิวโลก 

Pangea Ultima เป็นเพียงภาพคาดการณ์ที่เป็นไปได้ว่าทวีปของโลกจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อแผ่นเปลือกโลกมารวมกัน ไม่ว่าการจัดตำแหน่งที่แน่นอนจะเป็นเช่นไร นักวิทยาศาสตร์มั่นใจว่าทวีปต่างๆ ของโลกจะค่อยๆ ผสานกันจนกลายเป็นมวลที่ร้อน แห้ง และส่วนใหญ่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้  

กระบวนการแปรสัณฐานในเปลือกโลกที่รวบรวมทวีปต่างๆ เข้าด้วยกันจะนำไปสู่การปะทุของภูเขาไฟบ่อยครั้งมากขึ้น ซึ่งจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ออกมามหาศาลสู่ชั้นบรรยากาศ ส่งผลให้โลกร้อนขึ้นอีก นอกจากนี้ ภาวะโลกร้อนอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักก็คือ การที่ดวงอาทิตย์สว่างขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งทำให้ดาวเคราะห์ร้อนขึ้นเรื่อยๆ 

ฟาร์นสเวิร์ธกล่าวว่า มหาทวีปที่เพิ่งอุบัติใหม่จะก่อให้เกิดความเลวร้าย 3 เท่าอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบด้วยผลกระทบของทวีป ดวงอาทิตย์ที่ร้อนขึ้น และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มมากขึ้นในชั้นบรรยากาศ ผลที่ได้คือสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรส่วนใหญ่ปราศจากแหล่งอาหารและน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 

นักวิชาการรายนี้กล่าวว่า เราอาจอยู่รอดได้หากเราสร้างที่พักพิงที่ควบคุมสิ่งแวดล้อมพร้อมเครื่องปรับอากาศ แต่เราอาจจะต้องสร้างโรงงานอื่นๆ เพื่อใช้เป็นแหล่งผลิตอาหารด้วยเช่นกัน ความหวังอีกประการหนึ่งสำหรับมนุษยชาติคือ การสร้างอารยธรรมบนดาวเคราะห์ดวงอื่นในระบบสุริยะดวงอื่น แต่ปัจจุบันนี้เป็นเพียงเนื้อหาในนิยายวิทยาศาสตร์เท่านั้น

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์