หน้ากากซิลิโคนเสมือนจริง (silicone masks) กำลังเป็นที่สนใจในประเทศจีน หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่อาชญากรสวมหน้ากากดังกล่าวเมื่อไม่นานนี้ ทำให้เกิดการเรียกร้องให้มีการกำกับดูแลที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ท่ามกลางความกังวลว่าหน้ากากอาจกลายเป็นวิธีปฏิบัติของผู้กระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหน้ากากเหล่านี้เข้าถึงได้ง่ายเพียงใด
แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขายสินค้าออนไลน์ของจีนอย่าง เถาเป่า (Taobao) และ พินตัวตัว (Pinduduo) ได้ดำเนินการปราบปรามการค้นหาหน้ากากดังกล่าว โดยนักวิเคราะห์เตือนว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอาจช่วยให้ผู้ก่ออาชญากรรมหลบเลี่ยงการระบุตัวตน หรืออาจอำนวยความสะดวกในการโจรกรรมข้อมูลประจำตัว ปลอมแปลงตัวตนได้ด้วยการหลีกเลี่ยงระบบการจดจำใบหน้า
จากการตรวจสอบของสำนักข่าว CNA พบว่า หน้ากากซิลิโคนถูกส่งไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชีย อย่างเช่น สิงคโปร์ ได้อย่างง่ายดาย แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าไม่มีเหตุให้ต้องกังวล
“ผมเชื่อว่าหากหน้ากากดังกล่าวถูกซื้อและนำไปใช้ก่ออาชญากรรมหรือพยายามก่ออาชญากรรม นั่นจะถือเป็นความผิดอย่างแน่นอน แต่ในปัจจุบันยังไม่มีกรณีดังกล่าว (ในสิงคโปร์) ดังนั้นจึงไม่ใช่ปัญหา” จงติงไฟ ผู้ก่อตั้งสำนักงานกฎหมายซึ่งเชี่ยวชาญด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาและธุรกิจทั้งในจีนและสิงคโปร์ บอกกับ CNA
เป็นอันตรายช่วยอาชญากรหนีการจับกุม

หน้ากากซิลิโคนได้รับความสนใจและกลายเป็นข้อกังวลจากสาธารณชนในประเทศจีนเมื่อเร็วๆ นี้ หลังจากที่สื่อท้องถิ่นรายงานถึงเหตุการณ์โจรกรรมหลายกรณีซึ่งผู้ก่อเหตุใช้หน้ากากดังกล่าว
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาพบว่า บ้าน 4 หลังในเซี่ยงไฮ้ถูกงัดแงะและโดนขโมยทรัพย์สินมีค่าไปกว่า 100,000 หยวน (ราว 500,000 บาท) เมื่อตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ก็พบว่า เป็นชายวัย 40 ปีที่ปลอมตัวเป็นผู้สูงอายุโดยใช้หน้ากากซิลิโคน
เมื่อเดือนที่แล้วก็มีเหตุโจรบุกเข้าบ้านขโมยของมีค่ามูลค่า 30,000 หยวน (ราว 150,000 บาท) ในชนบท 5 หลังในมณฑลเจียงซูทางตะวันออก ตำรวจท้องถิ่นระบุว่าโจรปลอมตัวเป็นช่างไฟฟ้า และสวมหน้ากากซิลิโคนเพื่อปลอมตัวหลบหนีตำรวจ
กรณีดังกล่าวก่อให้เกิดกระแสฮือฮาบนโลกออนไลน์ ซึ่งชาวเน็ตส่วนใหญ่แสดงความวิตกกังวลต่อการใช้หน้ากากซิลิโคน
“ผู้ขายควรตระหนักถึงความเสี่ยงของหน้ากากที่อาจเกิดขึ้น ควรปฏิบัติตามกฎหมาย และป้องกันไม่ให้ผลิตภัณฑ์นี้ถูกนำไปใช้อย่างผิดวิธี” ผู้ใช้เวยป๋อ (Weibo) รายหนึ่งกล่าว
อีกคนหนึ่งบอกว่า “คนต่างหากที่ผิด ไม่ใช่หน้ากาก”
ขณะที่อีกคนสังเกตว่า “วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นดาบสองคม การนำใช้ในทางที่เหมาะสมก็สามารถนำผลดีมาสู่มวลมนุษย์ แต่การใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมก็อาจนำมาซึ่งอันตราย”
จีนเซ็นเซอร์ แต่บางประเทศยังเข้าถึงง่าย
เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของจีนได้เซ็นเซอร์การค้นหาหน้ากากซิลิโคน จากการตรวจสอบของ CNA เมื่อวันที่ 3 ก.ค. บนแพลตฟอร์มอย่างเถาเป่า, พินตัวตัวและเว็บไซต์ 1688 พบว่า คำว่า ‘หน้ากากมนุษย์’ หรือ ‘ren pi mian ju’ ในภาษาจีนถูกบล็อก ส่งผลให้ ‘ไม่พบผลลัพธ์ใดๆ’ แม้จะมีการเปลี่ยนคำสำคัญเป็น ‘หน้ากากซิลิโคน’ หรือ ‘gui jiao mian ju’ ก็ยังไม่พบผลลัพธ์ใดๆ
อย่างไรก็ดี หน้ากากซิลิโคนเจ้าปัญหานี้มีให้เลือกหลากหลายแบบ เช่น หน้ากากที่ดูเหมือนดาราหรือตัวละครในละครโทรทัศน์ ราคาตั้งแต่ 19-250 หยวน (ราว 95-1,250 บาท)
หน้ากากเหล่านี้ไม่จำกัดเฉพาะการจัดส่งภายในประเทศจีนเท่านั้น โดย CNA ได้ตรวจสอบร้านค้าออนไลน์ 3 แห่ง และพบว่าทั้ง 3 ร้านมีบริการจัดส่งไปยังต่างประเทศ รวมถึงไปยังสิงคโปร์ด้วย
จากการตรวจสอบของนักข่าวพบว่า แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ก็จำหน่ายหน้ากากประเภทนี้เช่นกัน มีสินค้าอย่างน้อย 60 รายการบน Lazada และ Shopee ซึ่งส่วนใหญ่จัดส่งจากจีน ส่วนใหญ่จำนวนการขายสำหรับแต่ละรายการนั้นต่ำกว่า 10 รายการ
ร้านค้าออนไลน์แห่งหนึ่งในจีนบอกกับ CNA ว่า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพวกเขา...”
ส่วนร้านค้าอีกแห่งที่ส่งสินค้าจากอินโดนีเซียกล่าวว่า “เรามีผู้ซื้อซื้อสินค้านี้ทุกเดือน”
และเพราะหน้ากากซิลิโคนไม่ได้ถูกห้ามในสิงคโปร์ ผู้ขายจึงมีสิทธิ์นำเข้าและขายหน้ากากซิลิโคนบนแพลตฟอร์มต่างๆ ตราบเท่าที่ยังปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับในท้องถิ่น
“สิงคโปร์ไม่มีกฎหมายที่ครอบคลุมโดยเฉพาะเพื่อควบคุมกิจกรรมอีคอมเมิร์ซ ในขณะเดียวกันก็ยังไม่พบกรณีการก่ออาชญากรรมของบุคคลที่สวมหน้ากากซิลิโคนในสิงคโปร์” จงติงไฟกล่าว
เสี่ยงถูกละเมิดข้อมูลส่วนตัว
หน้ากากซิลิโคนทำให้เกิดข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวในประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีการนำไปใช้อย่างผิดวิธีในประเทศที่การเข้าถึงโทรศัพท์ สำนักงาน และแม้แต่บัญชีธนาคารก็ได้รับการป้องกันด้วยเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า
อินฟลูเอนเซอร์ชาวจีนรายหนึ่งได้โพสต์วิดีโอ 2 รายการเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งมียอดชม 11,000 และ 60,000 ครั้ง วิดีโอดังกล่าวเผยให้เห็นว่าผู้ที่สวมหน้ากากซิลิโคนสามารถหลีกเลี่ยงการยืนยันใบหน้าเพื่อปลดล็อกโทรศัพท์มือถือ สามารถเข้าถึงสำนักงาน และแม้แต่ชำระเงินที่ซูเปอร์มาร์เก็ตโดยใช้ธุรกรรมการเงินออนไลน์ ‘Alipay’ ได้อย่างไร
“ความเสี่ยงจากการใช้หน้ากากเพื่อปลอมตัวเป็นบุคคลอื่นนั้น ได้รับการยอมรับในหมู่มวลนักวิจัยมานานหลายปีแล้ว” รองศาสตราจารย์ ไวคินคอง จากวิทยาลัยการคำนวณและวิทยาศาสตร์ข้อมูล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (NTU)
พ่อค้ารายหนึ่งในเมืองกว่างโจวบอกกับ CNA ว่าการผลิตหน้ากากซิลิโคนจะต้องใช้เวลา 1 เดือน เมื่อถามพ่อค้าว่าต้องใช้ข้อมูลอะไรบ้าง พ่อค้าตอบว่า “ถ้าอยากได้ผลลัพธ์ที่สมจริงกว่านี้ คุณสามารถมาที่ร้านได้ แต่ถ้าไม่ต้องการ ก็แค่ส่งรูปถ่ายของคนที่คุณต้องการเลียนแบบจากมุมต่างๆ มาให้เรา”
ผลิตหน้ากากซิลิโคน = ฝ่าฝืนกฎหมาย
ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายของจีนเตือนอย่าผลิตหน้ากากซิลิโคนเลียนแบบลักษณะใบหน้าของผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่ได้รับการยินยอมจากเจ้าของใบหน้า
“บุคคลที่สวมหน้ากากซิลิโคนโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องรับผิดทางแพ่งฐานละเมิดสิทธิในการสร้างชื่อเสียง ผู้ขายหน้ากากอาจต้องเผชิญกับการดำเนินคดีหากพบว่าพวกเขาละเมิดในด้านต่างๆ เช่น ความเป็นส่วนตัว หรือหากหน้ากากถูกนำไปใช้ในการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือเป็นอาชญากรรม” ศาสตราจารย์ท่านหนึ่งจากคณะนิติศาสตร์สถาบันเทคโนโลยีปักกิ่งกล่าว
สำนักงานบริหารไซเบอร์สเปซแห่งประเทศจีน (CAC) กล่าวว่า เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าสามารถนำมาใช้ประมวลผลข้อมูลใบหน้าได้เฉพาะเมื่อมีวัตถุประสงค์เฉพาะ และต้องมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด
เมื่อพูดถึงความปลอดภัยของอุปกรณ์ส่วนบุคคล เช่น โทรศัพท์และแล็ปท็อป ที่ใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า “การอัปเดตอุปกรณ์เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถปิดช่องโหว่และป้องกันซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายได้”
“การพิสูจน์ตัวตนหลายปัจจัยก็มีความสำคัญเช่นกัน...ไม่ว่าจะเป็นลายนิ้วมือ ไบโอเมทริกซ์ (Biometrics / เทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุตัวตน) หรือแม้แต่รหัสผ่านง่ายๆ ก็สามารถป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างมาก” เทอเรนซ์ เซียว ผู้จัดการทั่วไปประจำสิงคโปร์ที่ศูนย์ไซเบอร์สเปซเชิงกลยุทธ์และการศึกษานานาชาติบอกกับ CNA