เมื่อวันจันทร์ (5 ก.พ.) ที่ผ่านมา สิงคโปร์ผ่านกฎหมายควบคุม ‘ผู้กระทำความผิดที่เป็นอันตราย’ อย่างไม่มีกำหนด แม้ว่านักโทษเหล่านี้จะพ้นโทษจำคุกแล้วก็ตาม
กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับผู้ที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไปที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหา ‘อาชญากรรม’ เช่น
- การฆาตกรรม
- การข่มขืน
- การมีเพศสัมพันธ์กับผู้เยาว์
ข้อหาเหล่านี้ถือว่ามี ‘ความเสี่ยง’ ที่ผู้กระทำจะกระทำความผิดซ้ำเมื่อได้รับการปล่อยตัว
คี แชนมูแกม รัฐมนตรีกระทรวงกฎหมายและมหาดไทยกล่าวสุนทรพจน์ในรัฐสภาว่า “ผู้กระทำผิดที่ยังคงก่อให้เกิดอันตรายอย่างแท้จริงต่อผู้อื่นไม่ควรได้รับการปล่อยตัว”
แชนมูแกมยกตัวอย่างชายคนหนึ่งที่ถูกจำคุกฐานข่มขืนลูกเลี้ยงวัย 6 ขวบ ซึ่งหลังจากได้รับการปล่อยตัวแล้ว ต่อมาในปี 2015 เขาก็เริ่มล่วงละเมิดทางเพศหลานสาวของพี่สาวซึ่งมีอายุ 10 ขวบ และในปี 2017 เขาก็ยังล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิงที่เป็นน้องสาวของเหยื่อรายก่อนวัย 9 ขวบอีกด้วย
“เราต้องจัดการกับภัยคุกคามประเภทนี้และปกป้องสังคมของเรา” แชนมูแกมกล่าว
กฎหมายใหม่ที่ว่านี้หมายความว่า “แทนที่นักโทษเหล่านี้จะได้รับการปล่อยตัวหลังจากพ้นโทษจำคุก แต่ผู้กระทำผิดดังกล่าวจะต้องให้รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยพิจารณาอีกครั้งว่า ‘พวกเขาจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อสาธารณะอีกต่อไป’”
รัฐมนตรีจะได้รับคำแนะนำจากคณะกรรมการพิจารณาทบทวนพฤติกรรมซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่
- ผู้พิพากษาที่เกษียณแล้ว
- ทนายความ
- จิตแพทย์
- และนักจิตวิทยา
โดยผู้กระทำผิดและทนายความของเขาสามารถร้องเรียนต่อคณะกรรมการได้ นักโทษคนใดไม่เหมาะที่จะได้รับการปล่อยตัว คดีของพวกเขาจะได้รับการทบทวนทุกปี
สิงคโปร์ประเมินว่ากฎหมายนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้กระทำความผิดน้อยกว่า 30 รายต่อปี ขณะเดียวกันที่สหรัฐฯ เองก็มีกฎหมายคล้ายๆ กันนี้สำหรับผู้กระทำความผิดทางเพศซึ่งมีแนวโน้มว่าจะกระทำความผิดอีกครั้งใน 20 รัฐ, ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และรัฐบาลกลาง
ในสิงคโปร์ กฎหมายนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง รวมทั้งจากพรรคฝ่ายค้าน แม้ว่าจะมีบางคนออกมาเตือนก็ตาม
ซิลเวีย ลิม สมาชิกสภานิติบัญญัติฝ่ายค้านจากพรรคแรงงานกล่าวว่า “เป็นการยากที่จะคาดการณ์ความรุนแรงในอนาคตได้อย่างแม่นยำ และมีความเสี่ยงที่จะ ‘ควบคุมตัวบุคคลมากเกินไป’ โดยอาศัยการคาดการณ์ถึงอันตรายที่ผิดพลาด”
“ผู้พิพากษาสามารถพิพากษาสั่งลงโทษต่อเนื่องกันได้แล้ว โดยสามารถคุมขังผู้กระทำผิดในคุกได้ตลอดชีวิตของพวกเขา ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการ ‘ปล่อยให้ฝ่ายบริหารพิจารณาว่าเมื่อใดควรปล่อยผู้กระทำผิด’”
ขณะที่องค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่า พวกเขา ‘คัดค้าน’ กฎหมายควบคุมนักโทษต่อเนื่องหลังครบโทษจำคุก เนื่องจากละเมิดสิทธิตามกระบวนการอันชอบธรรมตามกฎหมาย