เนื่องจากสถานการณ์การฉ้อโกงในสิงคโปร์มีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี ทางการจึงเตรียมใช้มาตรการแทรกแซงเพื่อต่อสู้กับภัยร้ายแรงนี้
ร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองจากการหลอกลวงที่เสนอต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 พ.ย.นั้น อาจทำให้สิงคโปร์กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่จะมอบอำนาจให้ตำรวจควบคุมบัญชีธนาคารของเหยื่อการหลอกลวงที่ดื้อรั้น ซึ่งยืนกรานว่าไม่ได้ถูกหลอกลวง แม้จะมีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าพวกเขาถูกหลอกลวงก็ตาม
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเสนอว่า จะอนุญาตให้ตำรวจออกคำสั่ง (ROs) แก่ธนาคารในการจำกัดธุรกรรมทางการเงินของบัญชีของบุคคลนั้นๆ ซึ่งรวมถึงการโอนเงิน การใช้ตู้ ATM และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสินเชื่อทุกประเภท รวมถึง PayNow และการทำธุรกรรมด้วยตัวเองที่เคาน์เตอร์
ตำรวจเผยว่า ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งที่พวกเขาต้องเผชิญคือการทำให้ผู้คนเชื่อว่าตัวเองตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง ตัวเลขการฉ้อโกงเพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ซึ่งมีการสูญเสียเงินมากกว่า 385.6 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 1 หมื่นล้านบาท) จากคดีที่รายงาน 26,587คดี
หากร่างกฎหมายผ่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจออก ROs ให้กับธนาคารหากเชื่อว่าเหยื่อจะโอนเงินให้กับผู้หลอกลวง หรือหากจำเป็นเพื่อปกป้องเหยื่อ โดยตำรวจจะออก ROs ให้กับธนาคารค้าปลีกหลัก 7 แห่ง ได้แก่ :
- OCBC Bank
- DBS Bank
- UOB
- Maybank
- Standard Chartered
- Citibank
- HSBC
แต่สามารถออกให้กับธนาคารอื่นๆ ได้เช่นกัน โดยคำสั่ง ROs จะมีผลครั้งละสูงสุด 30 วันแต่สามารถขยายเวลาได้สูงสุด 5 ครั้ง หมายความว่าคำสั่ง ROs จะมีผลได้นานถึง 6 เดือน
ตำรวจสามารถยกเลิกคำสั่ง ROs ได้ก่อนกำหนด 30 วัน หากประเมินแล้วว่าบุคคลนั้นไม่มีความเสี่ยงที่จะถูกหลอกลวงอีกต่อไป และสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อคำสั่ง ROs ได้ที่ผู้บัญชาการตำรวจ โดยการตัดสินใจของผู้บัญชาการตำรวจถือเป็นที่สิ้นสุด
อย่างไรก็ดี คำสั่ง ROs จะออกให้เฉพาะกรณีที่มีการฉ้อโกงซึ่งกระทำผ่านช่องทางดิจิทัลและโทรคมนาคมเป็นหลัก เช่น การโทรและข้อความ แต่จะไม่ครอบคลุมถึงคดีโกงแบบเดิมๆ ที่มักเกี่ยวข้องกับการโต้ตอบแบบพบหน้า เช่น ถูกหลอกโดยผู้รับเหมาปรับปรุงบ้านที่ประพฤติตัวไม่ดี หรือสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนๆ
กระทรวงมหาดไทยกล่าวว่า จะมีการออกคำสั่ง ROs เป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น โดยจะใช้ก็ต่อเมื่อได้ใช้วิธีการอื่นๆ ในการโน้มน้าวเหยื่อจากถูกหลอกจนหมดแล้ว
“สิงคโปร์สูญเสียเงินราว 2 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 52 ล้านบาท) จากการฉ้อโกงทุกวัน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการดำเนินการต่อต้านการหลอกลวงมากมาย...ฉันสามารถดำเนินการต่อต้านการหลอกลวงที่เปิดตัวในปี 2023 โดยสภาป้องกันอาชญากรรมแห่งชาติและกองกำลังตำรวจสิงคโปร์” ซุนเซว่หลิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวสุนทรพจน์ที่งาน ‘Clementi Division Roadshow 2024’ ของตำรวจเมื่อวันที่ 10 พ.ย.
ธนาคารต่างๆ ที่นี่ได้นำระบบ ‘kill switch’ (หรือหยุดระบบกรณีฉุกเฉิน) มาใช้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถอายัดบัญชีธนาคารของตัวเองได้ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ล็อคเงินเพื่อให้ลูกค้าสามารถกันเงินไม่โอนออกจากบัญชีธนาคารผ่านช่องทางออนไลน์ได้
ปัญหาใหญ่ก็คือ ‘เหยื่อส่วนใหญ่โอนเงินให้มิจฉาชีพโดยสมัครใจ’...
แม้จะมีมาตรการต่างๆ เหล่านี้ แต่การหลอกลวงที่รายงานทั้งหมด 86% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 เกี่ยวข้องกับเหยื่อที่โอนเงินโดยสมัครใจให้กับผู้หลอกลวง ซึ่งในเคสเหล่านี้ ผู้หลอกลวงไม่สามารถควบคุมบัญชีได้โดยตรง แต่ใช้การหลอกล่อเหยื่อให้โอนเงินแทน เหยื่อบางรายได้รับแจ้งจากตำรวจ ธนาคาร และสมาชิกในครอบครัวว่าถูกหลอกลวง แต่ยังคงยืนกรานที่จะโอนเงิน
การหลอกลวงดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นการหลอกลวงเพื่อการลงทุน หรือการแอบอ้างตัวเป็นบุคคลอื่น ซึ่งเกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมหาศาล
แนวคิดในการใช้วิธีการแทรกแซงมากขึ้นเพื่อจัดการกับการหลอกลวงโดยเจ้าหน้าที่นั้น ได้รับการเปิดเผยครั้งแรกในเดือนสิงหาคม เมื่อกระทรวงมหาดไทยกล่าวว่ากำลังพิจารณาว่าควรให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจในการอายัดบัญชีธนาคารชั่วคราวหรือไม่ เพื่อให้ตำรวจมีเวลามากขึ้นในการโน้มน้าวเหยื่อว่ากำลังตกเป็นเหยื่อ
กระทรวงมหาดไทยกล่าวว่ามีการจัดการปรึกษาหารือสาธารณะเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ Reach ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคมถึง 30 กันยายน และผ่านการอภิปรายกลุ่มเป้าหมายกับตัวแทนจากกลุ่มอายุต่างๆ
ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 90% เห็นด้วยกับร่างกฎหมาย แต่บางคนกลับรู้สึกว่า ผู้คนควรต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองแทนที่จะให้รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงการตัดสินใจส่วนบุคคลดังกล่าว และบางคนก็กังวลว่าอำนาจใหม่อาจถูกแทรกแซงและถูกละเมิด
นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอแนะให้ขยายขอบเขตของคำสั่ง ROs ให้ครอบคลุมถึงการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลและบริษัทโอนเงิน ขณะที่กระทรวงมหาดไทยกล่าวว่าจะพิจารณาว่าจำเป็นต้องทำเช่นนี้ในอนาคตหรือไม่
“แม้ว่ารัฐบาลจะยังคงเดินหน้าต่อไป แต่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการป้องกันมิจฉาชีพ” กระทรวงมหาดไทย กล่าวทิ้งท้าย