สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า หลายประเทศในอาเซียนแจกเงินประชาชนเพิ่มโดยตรงไปยังครัวเรือนต่างๆ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพและเงินเฟ้อ แม้ว่าจะยังมีคำถามถึงประสิทธิภาพของมาตรการดังกล่าว รวมถึงผลกระทบต่อการคลังที่ตึงตัวอยู่แล้ว
การประกาศงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2024 ของสิงคโปร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ก.พ.) ระบุว่าจะแจกคูปองช็อปปิงให้ชาวสิงคโปร์ครัวเรือนละ 600 ดอลลาร์สิงคโปร์ (16,027 บาท) โดยจะแจก 2 รอบคือเดือน มิ.ย.และ ม.ค.ปีหน้า หลังจากเพิ่งแจกคูปอง 500 ดอลลาร์สิงคโปร์ (13,355 บาท) ไปเมื่อเดือนที่แล้ว
ลอเรนซ์ หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสิงคโปร์เน้นย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่พุ่งขึ้นระหว่างการแถลงงบประมาณว่า “ในงบประมาณนี้ผมจะสนับสนุนครัวเรือนมากขึ้น”
การแจกคูปองครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากประชาชน เนื่องจากชาวสิงคโปร์เริ่มได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง
สำนักงานสถิติสิงคโปร์ระบุว่า ราคาอาหารตามศูนย์อาหารและร้านอาหารริมทางในสิงคโปร์ทะยานขึ้น 15% ระหว่างปี 2019-2023 และการสำรวจชิ้นหนึ่งพบว่าราคาข้าวมันไก่ขยับขึ้นราว 20% ภายใน 2 ปี
เจ้าหน้าที่เทคนิครายหนึ่งเผยว่า “ค่าครองชีพในสิงคโปร์เริ่มสูงเกินไปแล้ว”
นอกจากสิงคโปร์ยังมีประเทศอื่นๆ ที่เลือกแจกเงินเช่นกัน
รัฐบาลใหม่ของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ของไทยมีแผนใช้งบประมาณ 500,000 ล้านบาทเพื่อแจกเงินดิจิทัลวอลล็ต 10,000 บาทให้คนไทยทุกคนที่อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปที่เข้าเงื่อนไขที่รัฐบาลกำหนด นับเป็นโครงการแจกเงินครั้งใหญ่และใช้งบประมาณมากที่สุดจนถึงขณะนี้
ส่วนมาเลเซียก็ขยายการแจกเงินสดให้กับครอบครัวที่มีรายได้น้อยจาก 8,000 ล้านริงกิต (60,208 ล้านบาท) เมื่อปี 2023 เป็น 10,000 ล้านริงกิต (75,113 ล้านบาท) ในปีนี้ ฟิลิปปินส์จะแจกเงิน 5,000 เปโซ (3,202 บาท) ให้ครอบครัวที่มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 23,000 เปโซ
Nikkei Asia รายงานว่า สำหรับนักการเมือง มาตรการลักษณะนี้สามารถใช้เพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง หรือช่วยหลีกเลี่ยงความวุ่นวายทางการเมือง อย่างนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของไทยก็ถูกชูเป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยในการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว
ในอินโดนีเซีย เมื่อเดือนที่แล้วรัฐบาลประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ประกาศแจกเงินเดือนละ 200,000 รูเปียห์ (459 บาท) ให้ครอบครัวที่มี่รายได้น้อย ประกาศนี้ออกมาก่อนการเลือกตั้งไม่กี่วัน ทำให้หลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลมีเจตนาหนุนการชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีของ ปราโบโว สุเบียนโต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่เพิ่งคว้าชัย
เมื่อภาวะเงินเฟ้อของหลายประเทศในอาเซียนเริ่มคลี่คลาย จึงเกิดคำถามตามมาว่าการแจกเงินสดโดยตรงเช่นนี้จะมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน
เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเผยกับสำนักข่าว Reuters เมื่อเดือน ม.ค.ว่า การกระตุ้นการเติบโตระยะยาว “ไม่ใช่แค่การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเท่านั้น”
บางรัฐบาลพยายามหาทางจำกัดจำนวนคนที่จะได้รับงินช่วยเหลือเหล่านี้เพื่อให้ใช้งบประมาณน้อยลง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรมาตรการเหล่านี้ก็ยังเป็นภาระของการคลังอยู่ดี
มาโกโตะ ไซโตะ จาก NLI Research Institute สถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจและการเงินของญี่ปุ่นเผยว่า การแจกเงินของไทย “น่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่จะกระทบต่อสุขภาพการคลัง”
หลายประเทศในอาเซียนต้องเผชิญกับความท้าทายด้านการเงินหลังต้องใช้งบประมาณมากขึ้นในการรับมือกับการระบาดของโควิด-19 การแจกเงินของสิงคโปร์และมาเลเซียมาพร้อมกับการขึ้นภาษี โดยสิงคโปร์เพิ่มภาษีสินค้าและบริการจาก 8% เป็น 9% เมื่อเดือน ม.ค. ส่วนมาเลเซียมีแผนจะเพิ่มภาษีบริการจาก 6% เป็น 8% ในปีนี้
Photo by AFP / Jack TAYLOR