เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา เกิดปรากฏการณ์หนาวสะท้านใน 3 ประเทศในเอเชียตะวันออก และ 1 ประเทศในเอเชียใต้ ส่งผลให้การเดินทางของผู้คน การเคลื่อนย้ายสินค้า หรือระบบโลจิสติกใน 4 ประเทศนี้ชะงักงัน และความรุนแรงของสภาพอากาศยังทำให้มีผู้เสียชีวิตด้วย
เริ่มจากญี่ปุ่นที่เจอสภาพอากาศหนาวเย็นผิดปกติและคลื่นความกดอากาศที่ต่ำมาก ส่งผลให้มีหิมะตกหนักและลมแรงปกคลุมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ติดกับทะเลญี่ปุ่นมีหิมะตกหนัก ขณะที่เมืองมานิวะ ภาคตะวันตกของประเทศ ทำสถิติหิมะปกคลุมหนาที่สุด สูงถึง 93 เซนติเมตร ภายใน 24 ชั่วโมงจนถึงเวลา 08.00 น. ของวันที่ 25 มกราคม
เอ็นเอชเค สื่อชั้นนำของญี่ปุ่นรายงานว่า อากาศที่หนาวจัดเพราะพายุหิมะครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 1 ราย ส่วนสายการบินภายในประเทศ ทั้งออล นิปปอน แอร์เวย์ และเจแปน แอร์ไลน์ต้องยกเลิเที่ยวบินกว่า 300 เที่ยว เช่นเดียวกับเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็นก็ระงับการเดินรถชั่วคราวในพื้นที่ตอนเหนือของประเทศ
สภาพอากาศหนาวจัดที่แผ่ปกคลุมทั่วประเทศญี่ปุ่น ทำให้รถยนต์และรถบรรทุกเป็นอัมพาตบนถนนทางหลวงสายต่างๆ เพราะหิมะที่ถมกองเป็นระยะทางยาวถึง 10 กิโลเมตร
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าประชาชนประมาณ 3,000 คนติดค้างอยู่ที่สถานีรถไฟในเมืองเกียวโต 2 แห่ง หลังพายุหิมะถล่มและลมกระโชกแรง ทำให้ผู้โดยสารบางส่วนต้องนอนที่พื้นของสถานีรถไฟหลักเมืองเกียวโต ส่วนผู้โดยสารคนอื่นๆ ติดค้างอยู่ในรถไฟอย่างน้อย 15 ขบวนระหว่างสถานีต่างๆ และมีผู้โดยสารบางคนประสบเหตุดังกล่าวตั้งแต่ช่วงสายของวันที่ 24 มกราคมไปจนถึงช่วงเช้าตรู่ของวันถัดไป ไม่นับผู้โดยสารจำนวนหนึ่งที่ต้องเดินฝ่าหิมะไปยังสถานีรถไฟที่มีการจัดที่พักพิงไว้ให้
เริ่มจากญี่ปุ่นที่เจอสภาพอากาศหนาวเย็นผิดปกติและคลื่นความกดอากาศที่ต่ำมาก ส่งผลให้มีหิมะตกหนักและลมแรงปกคลุมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ติดกับทะเลญี่ปุ่นมีหิมะตกหนัก ขณะที่เมืองมานิวะ ภาคตะวันตกของประเทศ ทำสถิติหิมะปกคลุมหนาที่สุด สูงถึง 93 เซนติเมตร ภายใน 24 ชั่วโมงจนถึงเวลา 08.00 น. ของวันที่ 25 มกราคม
เอ็นเอชเค สื่อชั้นนำของญี่ปุ่นรายงานว่า อากาศที่หนาวจัดเพราะพายุหิมะครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 1 ราย ส่วนสายการบินภายในประเทศ ทั้งออล นิปปอน แอร์เวย์ และเจแปน แอร์ไลน์ต้องยกเลิเที่ยวบินกว่า 300 เที่ยว เช่นเดียวกับเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็นก็ระงับการเดินรถชั่วคราวในพื้นที่ตอนเหนือของประเทศ
สภาพอากาศหนาวจัดที่แผ่ปกคลุมทั่วประเทศญี่ปุ่น ทำให้รถยนต์และรถบรรทุกเป็นอัมพาตบนถนนทางหลวงสายต่างๆ เพราะหิมะที่ถมกองเป็นระยะทางยาวถึง 10 กิโลเมตร
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าประชาชนประมาณ 3,000 คนติดค้างอยู่ที่สถานีรถไฟในเมืองเกียวโต 2 แห่ง หลังพายุหิมะถล่มและลมกระโชกแรง ทำให้ผู้โดยสารบางส่วนต้องนอนที่พื้นของสถานีรถไฟหลักเมืองเกียวโต ส่วนผู้โดยสารคนอื่นๆ ติดค้างอยู่ในรถไฟอย่างน้อย 15 ขบวนระหว่างสถานีต่างๆ และมีผู้โดยสารบางคนประสบเหตุดังกล่าวตั้งแต่ช่วงสายของวันที่ 24 มกราคมไปจนถึงช่วงเช้าตรู่ของวันถัดไป ไม่นับผู้โดยสารจำนวนหนึ่งที่ต้องเดินฝ่าหิมะไปยังสถานีรถไฟที่มีการจัดที่พักพิงไว้ให้
ส่วนเกาหลีใต้ก็เจอสภาพอากาศหนาวจัดทั่วประเทศ รวมถึงเกาะเชจูที่นักท่องเที่ยวมักคุ้นดี มีหิมะตกหนักและมีลมพัดแรง จนเกาะถูกตัดขาด สายการบินยกเลิกเที่ยวบินและนักเดินทางจำนวนมากตกค้าง
สำนักข่าว ยอนฮัพของเกาหลีใต้ รายงานว่า หลายภูมิภาคทางตอนใต้ของประเทศ รวมถึงเมืองกวางจู ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากพายุหิมะและลมกระโชกแรง
กรมอุตุนิยมวิทยาเกาหลีใต้ ออกประกาศเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับมืออากาศหนาวเย็นจัดปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ โดยเมื่อวันที่ 24 มกราคม กรุงโซลอุณหภูมิลดต่ำลงในระดับ -16.4 องศาเซลเซียส แต่เนื่องจากลมแรงทำให้ชาวกรุงโซลมีอุณหภูมิที่รับรู้ได้คือ -25.5 องศาเซลเซียส
ส่วนคังวอน อุณหภูมิลดลงถึง -26 องศาเซลเซียส และกระแสลมแรงทำให้อุณหภูมิที่รับรู้ลดลงไปประมาณ -35 องศาเซลเซียสในบางพื้นที่ และที่เขตชอวอน ในจังหวัดกังวอน ติดชายแดนเกาหลีเหนือ มีรายงานว่า สภาพอากาศอุณหภูมิ -25.5 องศาเซลเซียส
ท่ามกลางสภาพอากาศหนาวจัดรุนแรงครั้งนี้ เกาะเชจู ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยเที่ยวบินเข้าออกเกาะทั้งหมด 476 เที่ยวถูกยกเลิก ทั้งเที่ยวบินในประเทศ และเที่ยวบินระหว่างประเทศ ผู้โดยสารเกือบ 43,000 คนตกค้าง และเรือสำราญกว่า 110 ลำ ที่แล่นเข้าออกเกาะ ก็ถูกระงับด้วยเหมือนกัน
ทางการเกาหลีใต้ประกาศเตือนว่าสภาพอากาศหนาวจัด และอุณหภูมิจะลดลงอีก โดยคาดการณ์ว่า บางพื้นที่จะมีสภาพอากาศติดลบ 30 องศาเซลเซียส
ส่วนที่จีน อุณหภูมิติดลบจนทุบสถิติเดิมในเมืองโม่เหอ ซึ่งได้ฉายาว่าเป็นขั้วโลกในจีนอยู่แล้วเพราะจะมีสภาพอากาศเย็นจัดยาวนานหลายเดือนในแต่ละปี แต่ปีนี้อากาศเย็นยะเยือกอุณหภูมิลดลงไปแตะระดับติดลบ 53 องศาเซลเซียส
เมืองโม่เหออยู่ทางเหนือสุดของจีน ติดกับพรมแดนรัสเซีย ที่เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาวัดอุณหภูมิได้ -53 องศาเซลเซียส ทุบสถิติหนาวยะเยือกของเดิมที่เกิดขึ้นในเมืองนี้ เมื่อปี 1969 ซึ่งหนาวจัด -52.3 องศาเซลเซียส
นักอุตุนิยมวิทยาในโม่เหอ บอกว่า ปรากฏการณ์นี้เกิดจากอิทธิพลของอากาศเย็นจัดจากขั้วโลก และอากาศหนาวจัดต่ำกว่า -50 องศาเซลเซียสอย่างน้อย 3 วันติดกันช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำนักข่าว ยอนฮัพของเกาหลีใต้ รายงานว่า หลายภูมิภาคทางตอนใต้ของประเทศ รวมถึงเมืองกวางจู ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากพายุหิมะและลมกระโชกแรง
กรมอุตุนิยมวิทยาเกาหลีใต้ ออกประกาศเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับมืออากาศหนาวเย็นจัดปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ โดยเมื่อวันที่ 24 มกราคม กรุงโซลอุณหภูมิลดต่ำลงในระดับ -16.4 องศาเซลเซียส แต่เนื่องจากลมแรงทำให้ชาวกรุงโซลมีอุณหภูมิที่รับรู้ได้คือ -25.5 องศาเซลเซียส
ส่วนคังวอน อุณหภูมิลดลงถึง -26 องศาเซลเซียส และกระแสลมแรงทำให้อุณหภูมิที่รับรู้ลดลงไปประมาณ -35 องศาเซลเซียสในบางพื้นที่ และที่เขตชอวอน ในจังหวัดกังวอน ติดชายแดนเกาหลีเหนือ มีรายงานว่า สภาพอากาศอุณหภูมิ -25.5 องศาเซลเซียส
ท่ามกลางสภาพอากาศหนาวจัดรุนแรงครั้งนี้ เกาะเชจู ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยเที่ยวบินเข้าออกเกาะทั้งหมด 476 เที่ยวถูกยกเลิก ทั้งเที่ยวบินในประเทศ และเที่ยวบินระหว่างประเทศ ผู้โดยสารเกือบ 43,000 คนตกค้าง และเรือสำราญกว่า 110 ลำ ที่แล่นเข้าออกเกาะ ก็ถูกระงับด้วยเหมือนกัน
ทางการเกาหลีใต้ประกาศเตือนว่าสภาพอากาศหนาวจัด และอุณหภูมิจะลดลงอีก โดยคาดการณ์ว่า บางพื้นที่จะมีสภาพอากาศติดลบ 30 องศาเซลเซียส
ส่วนที่จีน อุณหภูมิติดลบจนทุบสถิติเดิมในเมืองโม่เหอ ซึ่งได้ฉายาว่าเป็นขั้วโลกในจีนอยู่แล้วเพราะจะมีสภาพอากาศเย็นจัดยาวนานหลายเดือนในแต่ละปี แต่ปีนี้อากาศเย็นยะเยือกอุณหภูมิลดลงไปแตะระดับติดลบ 53 องศาเซลเซียส
เมืองโม่เหออยู่ทางเหนือสุดของจีน ติดกับพรมแดนรัสเซีย ที่เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาวัดอุณหภูมิได้ -53 องศาเซลเซียส ทุบสถิติหนาวยะเยือกของเดิมที่เกิดขึ้นในเมืองนี้ เมื่อปี 1969 ซึ่งหนาวจัด -52.3 องศาเซลเซียส
นักอุตุนิยมวิทยาในโม่เหอ บอกว่า ปรากฏการณ์นี้เกิดจากอิทธิพลของอากาศเย็นจัดจากขั้วโลก และอากาศหนาวจัดต่ำกว่า -50 องศาเซลเซียสอย่างน้อย 3 วันติดกันช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่ภูมิภาคเอเชียใต้ รัฐบาลตาลีบันในอัฟกานิสถาน ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 124 คนจากสภาพอากาศหนาวเย็นในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภัยหนาวรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี
กระทรวงบริหารจัดการภัยพิบัติของอัฟกานิสถาน ระบุว่า นอกจากมีประชาชนเสียชีวิตแล้ว ปศุสัตว์ยังล้มตายเกือบ 70,000 ตัว จากภัยหนาวครั้งนี้ด้วย
นอกจากนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศยังถูกตัดขาดเนื่องจากหิมะตกหนักปกคลุม จนกองทัพต้องส่งเฮลิคอปเตอร์ออกไปช่วยภารกิจกู้ภัย แต่ก็ไม่สามารถลงจอดในพื้นที่ที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาได้
รายงานข่าวระบุว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จากสภาพอากาศหนาวจัดรุนแรงครั้งนี้ เป็นคนเลี้ยงแกะ หรือชาวบ้านที่อาศัยในถิ่นธุรกันดาร และไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุข ทำให้เจ้าหน้าที่ห่วงความปลอดภัยของคนที่ยังอยู่ในแถบภูเขา เพราะถนนส่วนใหญ่ที่ผ่านภูเขาถูกปิดเนื่องจากมีหิมะปกคลุมหนา และมีรถยนต์ติดค้างบนถนนดังกล่าว ทั้งยังมีผู้โดยสารเสียชีวิตอยู่ภายในรถด้วย
นอกจากฤดูหนาวปีนี้ที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปีแล้ว ภารกิจบรรเทาทุกข์ของอัฟกานิสถานยังมีอุปสรรคเนื่องจากองค์กรบรรเทาทุกข์หลายแห่งระงับการปฏิบัติงานในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่รัฐบาลตาลีบันห้ามผู้หญิงอัฟกันทำงานให้กับองค์กรพัฒนาเอกชน
กระทรวงบริหารจัดการภัยพิบัติของอัฟกานิสถาน ระบุว่า นอกจากมีประชาชนเสียชีวิตแล้ว ปศุสัตว์ยังล้มตายเกือบ 70,000 ตัว จากภัยหนาวครั้งนี้ด้วย
นอกจากนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศยังถูกตัดขาดเนื่องจากหิมะตกหนักปกคลุม จนกองทัพต้องส่งเฮลิคอปเตอร์ออกไปช่วยภารกิจกู้ภัย แต่ก็ไม่สามารถลงจอดในพื้นที่ที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาได้
รายงานข่าวระบุว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จากสภาพอากาศหนาวจัดรุนแรงครั้งนี้ เป็นคนเลี้ยงแกะ หรือชาวบ้านที่อาศัยในถิ่นธุรกันดาร และไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุข ทำให้เจ้าหน้าที่ห่วงความปลอดภัยของคนที่ยังอยู่ในแถบภูเขา เพราะถนนส่วนใหญ่ที่ผ่านภูเขาถูกปิดเนื่องจากมีหิมะปกคลุมหนา และมีรถยนต์ติดค้างบนถนนดังกล่าว ทั้งยังมีผู้โดยสารเสียชีวิตอยู่ภายในรถด้วย
นอกจากฤดูหนาวปีนี้ที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปีแล้ว ภารกิจบรรเทาทุกข์ของอัฟกานิสถานยังมีอุปสรรคเนื่องจากองค์กรบรรเทาทุกข์หลายแห่งระงับการปฏิบัติงานในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่รัฐบาลตาลีบันห้ามผู้หญิงอัฟกันทำงานให้กับองค์กรพัฒนาเอกชน