สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครัฐบาลเกาหลีใต้ แบฮยอนจิน เข้ารับการรักษาบาดแผลที่โรงพยาบาลในกรุงโซล หลังจากถูกชายนิรนามใช้สิ่งที่ดูเหมือนก้อนหินทุบตีที่ศีรษะซ้ำหลายครั้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจในเขตอัปกูจอง กรุงโซลกล่าวว่า “ผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมในที่เกิดเหตุหลังโจมตีสมาชิกสภานิติบัญญัติทางตอนใต้ของกรุงโซล”
เหตุดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (25 ม.ค.) มีขึ้นไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ผู้นำฝ่ายค้าน อีแจมย็อง ถูกแทงคอในเมืองปูซานทางตอนใต้ ทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการเมืองของประเทศที่มีการแบ่งขั้วอย่างเข้มข้น
ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นผู้ต้องสงสัยสวมหมวกคลุมศีรษะสีเทาและหน้ากาก เดินเข้ามาใกล้ฮยอนจิน ในโถงทางเดินของอาคาร และดูเหมือนจะเริ่มการสนทนา ก่อนที่จะฟาดเธอด้วยสิ่งที่ดูเหมือนเป็นก้อนหินเล็กๆ และยังคงทุบฮยอนจินด้วยวัตถุนี้ต่อไป แม้ว่าเธอจะล้มลงก็ตาม วิดีโอดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ฮยอนจินต่อสู้เพียงลำพัง โดยโบกแขนและคว้าข้อมือของชายคนนั้น ก่อนที่คนอื่นๆ จะปรากฏตัวขึ้นและพยายามเข้าช่วย
สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานโดยอ้างคำพูดของผู้ช่วยของฮยอนจินที่เล่าว่าผู้ต้องสงสัยถามว่า “คุณคือสมาชิกสภานิติบัญญัติแบฮยอนจินใช่ไหม” ก่อนจะฟาดเข้าที่ด้านหลังศีรษะด้วยก้อนหินขนาดเท่ากำปั้น
ฮยอนจิน เป็นอดีตผู้ประกาศทางโทรทัศน์ซึ่งได้รับเลือกในปี 2020 และถูกมองว่าเป็นคนสนิทของประธานาธิบดียุนซอกยอล สำนักงานของยุนออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีฮยอนจินว่าเป็น “เหตุการณ์ที่ยอมรับไม่ได้ซึ่งจะต้องได้รับการสอบสวนอย่างเข้มงวด”
พัคซูคห์กูว ศัลยแพทย์ระบบประสาทที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยซุนชุนฮยางเผยว่า “ฮยอนจินได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะเล็กน้อย รวมถึงมีรอยขีดข่วนและมีบาดแผล และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในอาการคงที่ แรงจากการทุบตีทำให้เธอล้มลง แต่ไม่มีร่องรอยของการถูกกระทบกระแทกหรือมีเลือดออกภายใน…โชคดีที่เลือดออกไม่เยอะมากนัก เธอมีอาการปวดหัวและแสดงความกังวลเล็กน้อยหลังจากถูกโจมตี”
ทั้งนี้ แรงจูงใจของการโจมตียังไม่ชัดเจน สื่อเกาหลีใต้อ้างแหล่งข่าวที่ไม่ระบุชื่อซึ่งเผยว่าผู้ต้องสงสัยบอกตำรวจว่าเขาอายุ 15 ปี
ฮันดงฮุน ผู้นำพรรคพลังประชาชนเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างละเอียดถี่ถ้วน และขอให้ผู้โจมตีได้รับ ‘การลงโทษอย่างรุนแรง’
ขณะที่ แทยงโฮ สมาชิกสภานิติบัญญัติอีกคนจากพรรคกล่าวในโพสต์บนเฟซบุ๊กถึงการโจมตีดังกล่าวว่า “เป็นความท้าทายร้ายแรงต่อระบอบประชาธิปไตยของเกาหลีใต้ การเมืองแห่งความเกลียดชัง ความโกรธ และความรุนแรงจะต้องยุติลง”
Photo by Jung Yeon-je / AFP