เกาหลีใต้-ศรีลังกาเจอ ‘คนรัสเซีย’ ลี้ภัยสงครามบุกประเทศเหมือนไทย

28 กุมภาพันธ์ 2567 - 05:53

south-korea-sri-lanka-records-number-of-russians-seeking-asylum-SPACEBAR-Hero.jpg
  • “จำนวนชาวรัสเซียที่ขอลี้ภัยในเกาหลีใต้สูงเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่าจากปีที่แล้ว เนื่องจากรัสเซียกลายเป็นกลุ่มผู้ลี้ภัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแถบเอเชียตะวันออกนี้”

  • “ศรีลังกาได้แจ้งให้ชาวรัสเซียหลายแสนคนและชาวยูเครนบางส่วนที่ลี้ภัยสงคราม ออกจากประเทศในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า”

ชาวรัสเซียบุกเอเชีย! 

‘เกาหลีใต้’ เจอชาวรัสเซียลี้ภัยสูงเป็นประวัติการณ์ 

ทางการเกาหลีใต้ระบุว่า “จำนวนชาวรัสเซียที่ขอลี้ภัยในเกาหลีใต้สูงเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่าจากปีที่แล้ว เนื่องจากรัสเซียกลายเป็นกลุ่มผู้ลี้ภัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแถบเอเชียตะวันออกนี้” 

รายงานที่เผยแพร่เมื่อต้นเดือนนี้โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีระบุว่า “ชาวรัสเซียทั้งหมด 5,750 คนขอลี้ภัยในเกาหลีใต้ในปี 2023 ซึ่งสูงกว่าปี 2022 ถึง 5 เท่าจาก 1,038 คน และมากกว่าจำนวนคำร้องขอลี้ภัยทั้งหมดจากชาวรัสเซียที่บันทึกไว้ระหว่างปี 1994-2019 

“ปีที่แล้วยังเป็นจำนวนผู้ขอลี้ภัยโดยรวมสูงสุดในรอบอย่างน้อย 8 ปีที่ผ่านมา” ข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองระบุ และแนวโน้มดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปจนถึงปีนี้ โดยชาวรัสเซียเป็นกลุ่มผู้ขอลี้ภัยที่ใหญ่ที่สุดในเดือนมกราคม นอกจากรัสเซียก็ยังมีกลุ่มผู้ขอลี้ภัยกลุ่มใหญ่ที่สุดจากคาซัคสถาน จีน และมาเลเซียด้วย 

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่ผู้ขอลี้ภัยอ้างคือ  

  • การประหัตประหารบนพื้นฐานของศาสนา 
  • การประหัตประหารทางการเมือง  
  • เหตุผลอื่นๆ ได้แก่ การเลือกปฏิบัติในการเป็นสมาชิกของกลุ่มสังคม เชื้อชาติ หรือสัญชาติที่เฉพาะเจาะจง 

ชาวรัสเซียที่กำลังขอลี้ภัยทั่วโลกได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครน ทำให้มีผู้คนหลายแสนคนออกจากรัสเซียในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหลายคนหนีจากการเกณฑ์ทหาร 

ขณะที่ ‘ศรีลังกา’ แก้ปัญหาด้วยการยกเลิกวีซ่าชาวรัสเซียนับแสนคน 

ผู้ควบคุมตรวจคนเข้าเมืองออกประกาศไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวขอให้ชาวรัสเซียและยูเครนที่ถือวีซ่าท่องเที่ยวแบบขยายเวลาออกจากศรีลังกาภายใน 2 สัปดาห์นับจากวันที่ 23 กุมภาพันธ์ “ศรีลังกาได้แจ้งให้ชาวรัสเซียหลายแสนคนและชาวยูเครนบางส่วนที่ลี้ภัยสงคราม ออกจากประเทศในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า” เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกล่าว 

ตามข้อมูลของทางการระบุว่า “ชาวรัสเซียมากกว่า 288,000 คนและชาวยูเครนเกือบ 20,000 คนได้เดินทางไปยังศรีลังกาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น” ขณะที่ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกล่าวว่า “รัฐบาลไม่อนุญาตให้ต่ออายุวีซ่าเพิ่มเติม เนื่องจากสถานการณ์การบินได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว” 

อย่างไรก็ตาม สำนักงานของประธานาธิบดีรานิล วิกรมสิงเห ได้สั่งให้สอบสวนหนังสือแจ้งดังกล่าวไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวเพื่อป้องกันความตึงเครียดทางการทูต โดยสำนักข่าว Daily Mirror ของศรีลังการายงานว่า “สำนักประธานาธิบดีกล่าวว่าหนังสือแจ้งดังกล่าวได้รับการออกโดยไม่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีล่วงหน้า และรัฐบาลยังไม่ได้ตัดสินใจอย่างเป็นทางการในการเพิกถอนการต่ออายุวีซ่า”  

ความกังวลดังกล่าวกลายเป็นประเด็นหยิบยกขึ้นมาพูดถึงโดยเฉพาะชาวรัสเซียหลายพันคน และชาวยูเครนจำนวนไม่มากที่อาศัยอยู่ในประเทศนี้เป็นระยะเวลานาน ซึ่งพวกเขาทั้งตั้งร้านอาหารและไนท์คลับของตัวเอง 

ฮาริน เฟอร์นันโด รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวบอกกับ Daily Mirror ว่า “กระทรวงได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียบางรายที่ดำเนินธุรกิจที่ไม่ได้จดทะเบียนและผิดกฎหมายในพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศ” 

อย่างไรก็ดี เรื่องนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการตอบโต้อย่างรุนแรงบนโลกโซเชียลมีเดียต่อธุรกิจที่ดำเนินการโดยรัสเซีย ด้วยนโยบาย ‘คนผิวขาวเท่านั้น’ ได้แก่บาร์ ร้านอาหาร กีฬาทางน้ำ และบริการให้เช่ายานพาหนะ ซึ่งห้ามคนในท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด  

ทั้งนี้ ศรีลังกาเองก็พยายามที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวและฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 โดยอนุญาตวีซ่าเมื่อเดินทางมาถึง 30 วันและขยายเวลาได้สูงสุด 6 เดือน 

Photo by KIM Won Jin / AFP

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์