การศึกษาชี้ทั้งผึ้ง-เต่าทะเลกำลังลดลงและอาจหายไปเพราะอุณหภูมิโลกสูงขึ้น

7 พ.ค. 2567 - 09:49

  • อาณานิคมผึ้งบัมเบิลบีขึ้นชื่อในเรื่องความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิ ในสภาพอากาศร้อน ผึ้งงานจะรวมตัวกันกระพือปีกและพัดรังเพื่อทำให้รังเย็นลง

  • แต่คลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งทำให้ผึ้งไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิของรังได้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อเผ่าพันธุ์ของมัน

  • ขณะที่ 99% ของลูกเต่าทะเลในรัฐฟลอริดากลับเป็นตัวเมีย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและคลื่นความร้อนทำให้ทรายบนชายหาดบางแห่งร้อนจัด

study-find-bumblebee-nests-are-overheating-to-fatal-levels-SPACEBAR-Hero.jpg

การวิจัยใหม่พบว่ารังผึ้งบัมเบิลบี หรือผึ้งหึ่ง (Bumblebee nests) อาจมีความร้อนสูงเกินไปจนสามารถคร่าชีวิตเผ่าพันธุ์ลูกหลานของมันได้ และทำให้แมลงผสมเกสรเหล่านั้นต้องลดลงเพราะอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น 

ในเวลานี้ผึ้งสกุลบอมบัสหลายชนิดทั่วโลก (Bombus) หรือบัมเบิลบีกำลังประสบกับปัญหาจำนวนประชากรลดลงเนื่องจากภาวะโลกร้อน 

อาณานิคมบัมเบิลบีขึ้นชื่อในเรื่องความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิ ในสภาพอากาศร้อน ผึ้งงานจะรวมตัวกันกระพือปีกและพัดรังเพื่อทำให้รังเย็นลง แต่เมื่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นและก่อให้เกิดคลื่นความร้อน ผึ้งบัมเบิลบีจึงต้องดิ้นรนเพื่อให้บ้านของพวกมันอยู่อาศัยได้ 

รายงานที่ตีพิมพ์ในวารสาร ‘Frontiers in Bee Science’ เผยว่า “เผ่าพันธุ์ผึ้งบัมเบิลบีส่วนใหญ่ไม่สามารถอยู่รอดได้ที่ที่อุณหภูมิสูงกว่า 36 องศาฯ” ทีมวิจัยได้ทบทวนเอกสารที่มีมานาน 180 ปี และพบว่าผึ้งบัมเบิลบีทุกสายพันธุ์มักจะเลี้ยงตัวอ่อนในอุณหภูมิที่เหมาะสมระหว่าง 28-32 องศาฯ

“ถ้าผึ้งบัมเบิลบีไม่สามารถรักษาอุณหภูมิให้ต่ำกว่าระดับที่กำหนดได้คือประมาณ 35 องศาฯ ลูกหลานมันอาจจะตาย นั่นอาจอธิบายได้ว่าทำไมเราจึงสูญเสียผึ้งบัมเบิลบีทั่วโลกไปมากขนาดนี้ โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือและยุโรป”

ปีเตอร์ คีวาน ศาสตราจารย์กิตติคุณจากคณะวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมแห่งมหาวิทยาลัยเกวลฟ์ในแคนาดา และผู้เขียนหลักของการศึกษานี้บอกกับสำนักข่าว The Guardian

“นักวิจัยกำลังมองหาพฤติกรรมการหาอาหารและการพัดรังเพื่อให้ตัวอ่อนเย็น แต่มีการศึกษาน้อยมากที่พิจารณาทั้งรัง…แม้ว่าผึ้งบางตัวอาจสามารถรับมือกับความร้อนได้ แต่หากรังร้อนเกินไปที่จะเลี้ยงตัวอ่อนให้แข็งแรง รังผึ้งทั้งหมดก็จะลดลง” คีวานกล่าว

“เรารู้มานานแล้วว่าผึ้งบัมเบิลบีเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศเย็น แมลงส่วนใหญ่จะอุดมสมบูรณ์มากขึ้นในเขตร้อน แต่ผึ้งบัมเบิลบีนั้นแปลกตรงที่พวกมันมีอยู่มากที่สุดในสถานที่อย่างเทือกเขาแอลป์และอังกฤษ”

เดฟ กูลสัน ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยซัสเซกส์ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในการวิจัยนี้บอก

“พวกมันมีขนาดใหญ่และมีขนยาวเพื่อปรับตัวให้เข้ากับการใช้ชีวิตในสถานที่ที่เย็นกว่า…มันมีแม้กระทั่งบางชนิดที่อาศัยอยู่ในแถบอาร์กติก เช่น สกุลบอมบัส โพลาลิส (Bombus Polaris) นั่นหมายถึงปัญหาที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สิ่งเหล่านี้เสี่ยงต่อภาวะโลกร้อน” 

“เมื่อรังมีความร้อนสูงเกินไป ผึ้งบัมเบิลบีจะพยายามทำให้รังเย็นลงด้วยการกระพือปีก แต่ถ้าอากาศข้างนอกร้อนเกินไป นั่นก็ไม่ช่วยอะไร…มีหลักฐานอยู่แล้วว่าผึ้งบัมเบิลบีเริ่มหายไปจากขอบเขตที่อบอุ่นกว่าของพวกมัน มีสื่อสิ่งพิมพ์หลายฉบับที่แสดงให้เห็นว่าผึ้งบัมเบิลบีกำลังเคลื่อนตัวสูงขึ้นเพื่อต่อสู้กับภาวะโลกร้อน แต่เห็นได้ชัดว่ามีข้อจำกัดในเรื่องนี้” กูลสันเสริม 

เป็นเรื่องน่าใจหายหากผึ้งบัมเบิลบีกำลังลดลงและอาจหายไป!

study-find-bumblebee-nests-are-overheating-to-fatal-levels-SPACEBAR-Photo01.jpg

กูลสันกล่าวต่ออีกว่า “การศึกษาอื่นๆ เผยว่าสหราชอาณาจักรอาจสูญเสียสายพันธุ์ผึ้งบัมเบิลบีประมาณครึ่งหนึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประชากรผึ้งจะลดลงเนื่องจากการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย…” 

อย่างไรก็ดี ผึ้งบัมเบิลบีถือเป็นแหล่งผสมเกสรที่สำคัญของดอกไม้ป่าและพืชผล ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศ ถั่วฝักแบน แอปเปิล บลูเบอร์รี่ แบล็กเคอร์แรนท์ และราสเบอร์รี่  

“ผึ้งบางชนิดสามารถรับมือกับอุณหภูมิที่อุ่นขึ้นได้ และบางชนิดที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ไกลออกไปทางใต้อาจเคลื่อนตัวไปทางเหนือเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้เกิดบ้านใหม่ในสหราชอาณาจักร แต่สำหรับแมลงผสมเกสรอื่นๆ อย่าง แมลงวัน ตัวต่อ ผีเสื้อ นก และค้างคาวนั้นยังยากที่จะสรุปโดยทั่วไป…เพื่อหยุดยั้งการลดลงของเหล่าผึ้งบัมเบิลบี การเพิ่มแหล่งที่อยู่อาศัยและการลดการใช้ยาฆ่าแมลงสามารถช่วยได้ แต่จริงๆ แล้วอุณหภูมิโลกไม่ควรสูงเกิน 2 องศาฯ” กูลสันกล่าว 

ขณะเดียวกันเต่าทะเลในฟลอริดาก็กำลังประสบปัญหาใหญ่

study-find-bumblebee-nests-are-overheating-to-fatal-levels-SPACEBAR-Photo02.jpg

เมื่อนักวิทยาศาสตร์เผยว่า 99% ของลูกเต่าทะเลในรัฐฟลอริดากลับเป็นตัวเมีย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและคลื่นความร้อนทำให้ทรายบนชายหาดบางแห่งร้อนจัด 

“สิ่งที่น่ากลัวคือฤดูร้อน 4 ครั้งล่าสุดในรัฐฟลอริดาเป็นฤดูร้อนที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา นักวิทยาศาสตร์ที่กำลังศึกษาลูกเต่าทะเลที่ฟักออกมาและไข่ ไม่พบลูกเต่าทะเล” เบตต์ เซอร์เคลบัค ผู้จัดการโรงพยาบาลเทอร์เทิลในเมืองมาราธอน บนหมู่เกาะฟลอริดาคีย์สกล่าว 

แนวโน้มดังกล่าวเป็นเพียงหนึ่งในสัญญาณบ่งชี้ว่าวิกฤตสภาพภูมิอากาศกำลังรบกวนระบบนิเวศทางธรรมชาติของโลก และลุกลามอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่สิ่งมีชีวิตหลายชนิดจะปรับตัวได้

“เมื่อเต่าตัวเมียขุดรังบนชายหาด อุณหภูมิของทรายจะเป็นตัวกำหนดเพศของลูกเต่า…การศึกษาของออสเตรเลียแสดงให้เห็นสถิติที่คล้ายกันซึ่งพบว่า 99% ของลูกเต่าทะเลตัวใหม่เป็นตัวเมีย”

เซอร์เคลบัคกล่าวเสริม

ตามข้อมูลของสำนักงานบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) ระบุว่า “แทนที่จะระบุเพศในระหว่างการปฏิสนธิ เพศของเต่าทะเลและจระเข้จะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของไข่ที่กำลังพัฒนา” 

“หากไข่ของเต่าฟักตัวที่อุณหภูมิต่ำกว่า 27.7 องศาฯ ลูกเต่าที่ฟักออกมาจะเป็นตัวผู้ ในขณะที่หากพวกมันฟักไข่ที่อุณหภูมิสูงกว่า 31 องศาฯ พวกมันจะเป็นตัวเมีย” ตามข้อมูลของเว็บไซต์ ‘National Ocean Service’ ของ NOAA

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์