สัมพันธ์สหรัฐฯ-อิสราเอลส่อแววร้าว! หลังสหรัฐฯ เปลี่ยนจุดยืนไม่วีโต้มติหยุดยิงทันที

26 มีนาคม 2567 - 09:50

tension-between-us-israel-boil-why-us-did-not-veto-gaza-ceasefire-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-อิสราเอลไม่เหมือนเดิมต่อไปอีกแล้ว หลังจากสหรัฐฯ ‘ไม่วีโต้’ มติหยุดยิงในฉนวนกาซาทันที ทั้งที่เคยทำมาแล้ว 3 ครั้ง

  • และนั่นทำให้นายกฯ เนทันยาฮูของอิสราเอลตอบโต้ด้วยการยกเลิกการประชุมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของไบเดน

ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ - อิสราเอล ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...

ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอิสราเอลจะไม่หวานหอมเหมือนเมื่อตอนเริ่มสงครามอิสราเอล-ฮามาสช่วงแรกๆ เสียแล้ว แถมยังจะตึงเครียดเกิดรอยร้าวมากกว่าเดิม หลังสหรัฐฯ เปลี่ยนจุดยืนไม่วีโต้มติหยุดยิงในกาซาทันทีในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ (UNSC) จากที่เคยหนุนอิสราเอลด้วยการวีโต้ร่างมติที่สั่งหยุดยิงทันทีมาแล้วถึง 3 ครั้ง 

ผลการลงมติของสหประชาชาติถูกตอบโต้อย่างดุเดือดจากนายกฯ เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ซึ่งได้ยกเลิกการประชุมการจัดลำดับความสำคัญขั้นสูงกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับแผนการโจมตีทางข้ามราฟาห์ที่กำลังจะเกิดขึ้น แม้ว่าจะมีความขัดแย้งเกิดขึ้น แต่การกระทำเมื่อเร็วๆ นี้น่าจะเป็นจุดแตกหักครั้งใหญ่ที่สุดในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอิสราเอลนับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว 

ความตึงเครียดเริ่มเดือดพล่านขึ้นในคืนวันอาทิตย์ (24 มี.ค.) เมื่อเนทันยาฮูขู่ต่อสาธารณะก่อนการลงมติของสหประชาชาติว่าจะยกเลิกการประชุมกับสหรัฐฯ โดยเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยับยั้งมติหยุดยิง ซึ่งส่วนหนึ่งของคำร้องเรียนของเนทันยาฮูต่อมติดังกล่าวก็คือ ‘การเรียกร้องให้หยุดยิงไม่ได้เชื่อมโยงกับการปล่อยตัวตัวประกันชาวอิสราเอลจากกลุ่มก่อการร้ายฮามาสตามที่ตกลงไว้’ 

ต่อมาในเช้าวันรุ่งขึ้น (25 มี.ค.) คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติก็มีมติโดยเรียกร้องให้มี ‘การหยุดยิงในฉนวนกาซาทันที’ ด้วยคะแนนเห็นชอบ 14 เสียง ในขณะที่สหรัฐฯ นั้น ‘งดออกเสียง’ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงจากจุดยืนก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เนทันยาฮูมองเห็นภัยคุกคาม จึงยกเลิกการเดินทางไปวอชิงตัน ดี.ซี. ในปลายสัปดาห์นี้ จากกำหนดเดิมที่จะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเกี่ยวกับแผนการทางเลือกสำหรับการโจมตีทางข้ามราฟาห์ 

“วันนี้สหรัฐฯ ได้ละทิ้งนโยบายในสหประชาชาติแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อน สหรัฐฯ สนับสนุนมติของคณะมนตรีความมั่นคงที่เชื่อมโยงการเรียกร้องให้หยุดยิงกับการปล่อยตัวตัวประกัน ซึ่งจีนและรัสเซียวีโต้ ‘บางส่วน’ เพราะพวกเขาคัดค้านข้อตกลงดังกล่าว” สำนักงานเนทันยาฮูกล่าวในแถลงการณ์ 

ก่อนการลงคะแนนเสียงเมื่อวันจันทร์ (25 มี.ค.) คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติล้มเหลวหลายครั้งในการเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในความขัดแย้งร้ายแรงซึ่งทำลายล้างฉนวนกาซาไปมาก สหรัฐฯ ยับยั้งความพยายามมนี้หลายครั้งเช่นกัน โดยกล่าวว่า “การเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจผิดพลาด” ในขณะที่อิสราเอลและฮามาสเจรจาอย่างรอบคอบเพื่อปล่อยตัวตัวประกัน นอกจากนี้พวกเขายังเสนอมติของตัวเองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งจีนและรัสเซียต่างคัดค้าน 

ขณะที่ทำเนียบขาวตอบโต้หลังจากนั้นไม่นานโดยกล่าวในบ่ายวันจันทร์ว่า “ผิดหวังมากที่เนทันยาฮูยกเลิกการเดินทาง แต่สหรัฐฯ จะดำเนินการต่อไปเพื่อปล่อยตัวตัวประกันชาวอิสราเอล” 

ทำไมสหรัฐฯ ถึง ‘ไม่วีโต้’ มติหยุดยิงในฉนวนกาซาครั้งนี้

ในการแถลงข่าวเมื่อบ่ายวันจันทร์ ‘จอห์น เคอร์บี’ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เผยว่าทำเนียบขาวรู้สึก ‘งุนงง’ กับการยกเลิกการประชุมกะทันหันของเนทันยาฮู” โดยสังเกตว่าการผ่านมติไม่ได้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐฯ ต่ออิสราเอลหรือสงครามแต่อย่างใด 

“ประการแรก มันเป็นข้อมติที่ไม่มีข้อผูกมัด ดังนั้นจึงไม่มีผลกระทบใดๆ ต่ออิสราเอลและความสามารถของอิสราเอลในการตามล่ากลุ่มฮามาสต่อไป มันไม่ได้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายของเราเลย และสอดคล้องกับทุกสิ่งที่เราบอกว่าเราต้องการทำให้เสร็จที่นี่” 

“และเราต้องตัดสินใจว่านโยบายของเราคืออะไร ดูเหมือนว่าสำนักนายกรัฐมนตรีจะแสดงผ่านแถลงการณ์ต่อสาธารณะว่าเรามีการเปลี่ยนแปลงที่นี่ เราไม่ได้เปลี่ยนแปลง…เราขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า นโยบายของเรายังคงไม่เปลี่ยนแปลง”

ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า

“การตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่ไม่ยับยั้งมติของสหประชาชาตินั้น ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นของไบเดนกับนายกฯ เนทันยาฮูของอิสราเอล”

“มันเป็นการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหยุดส่งอาวุธแต่อย่างใด และนั่นคือสิ่งที่สำคัญจริงๆ” อดัม ชาปิโร นักวิเคราะห์การเมืองกล่าว 

คำถามก็คือ ‘ในตอนนี้ฝ่ายบริหารของไบเดนจะใช้อำนาจของตัวเองเพื่อกดดันอิสราเอลให้ยุติการปฏิบัติมิชอบต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาหรือไม่?’ 

ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายไบเดนเรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอลปกป้องพลเรือนและให้ความช่วยเหลือแก่ฉนวนกาซาเพิ่มเติม แต่จนถึงขณะนี้พวกเขาก็ยังปฏิเสธที่จะวางเงื่อนไขในการช่วยเหลืออิสราเอลเพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น 

ทาริก เคนนีย์-ชาวา นักนโยบายของสหรัฐฯ จากหน่วยงานอัล-ชาบากาห์ (Al-Shabaka) ซึ่งเป็นกลุ่มนักคิดชาวปาเลสไตน์กล่าวว่า “การทดสอบที่แท้จริงว่าสหรัฐฯ ยืนอยู่ตรงไหนก็คือ สหรัฐฯ จะให้อาวุธที่อิสราเอลคาดหวังหรือไม่?” 

มีรายงานว่า ยูอาฟ กัลลันต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลอยู่ระหว่างการเยือนวอชิงตัน ดี.ซี. และเขาจะขออาวุธเฉพาะสำหรับสงครามที่กำลังดำเนินอยู่

“ในหลายๆ ด้าน ผมมองว่าฝ่ายบริหารของไบเดนกำลังดำเนินการในสิ่งที่เห็นว่าเป็นขั้นตอนสาธารณะที่จำเป็นเพื่อทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อหยุดยั้งอิสราเอลไม่ให้ทำอะไรเกินเลย ทั้งที่ในความเป็นจริง พวกเขากำลังอำนวยความสะดวกให้อิสราเอลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด…”

ทาริก เคนนีย์-ชาวากล่าวเสริม

แนนซี โอไคล์ ประธานศูนย์นโยบายระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นองค์กรคลังสมองในสหรัฐฯ บอกว่า “การลงคะแนนเสียงเมื่อวันจันทร์เกี่ยวกับมติหยุดยิงนั้น ‘มีความสำคัญ’ เพราะมันทำให้นโยบายของสหรัฐฯ เข้าใกล้การเจรจาชักจูงให้หยุดสงครามมากขึ้น และต่อต้านภัยคุกคามของเนทันยาฮู” 

“อย่างไรก็ตาม มันสายไปและยังไม่เพียงพอ…สหรัฐฯ จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมเพื่อแสดงให้เห็นว่าฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ มีความจริงจังเพียงใดเกี่ยวกับการสนับสนุนการหยุดยิงและสันติภาพที่ยั่งยืน และเพื่อให้แน่ใจว่าความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมได้รับการส่งมอบอย่างเพียงพอและทันเวลาสำหรับชาวปาเลสไตน์ และนั่นหมายถึงการประเมินว่าสหรัฐฯ ควรส่งอาวุธไปยังอิสราเอลต่อไปหรือไม่?” 

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางสงครามในฉนวนกาซาที่ยังคงดุเดือด การที่อิสราเอลไม่คำนึงถึงนโยบายของสหรัฐฯ ทำให้เกิดเสียงเรียกร้องให้ไบเดนดำเนินการกดดันเนทันยาฮู และสนับสนุนกฎหมายที่ห้ามการส่งมอบอาวุธให้กับผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชน 

ฝ่ายบริหารของไบเดนกล่าวว่า พวกเขากำลังดำเนินการแก้ปัญหาที่ครอบคลุมต่อความขัดแย้งในวงกว้างที่นำไปสู่การสถาปนารัฐปาเลสไตน์ พร้อมหลักประกันความมั่นคงสำหรับอิสราเอล และการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการระหว่างอิสราเอลและรัฐอาหรับ 

แต่เนทันยาฮูและสมาชิกฝ่ายขวาคนอื่นๆ ในรัฐบาลของเขาได้ปฏิเสธการแก้ปัญหาแบบสองรัฐอย่างเด็ดขาด โดยย้ำว่า “อิสราเอลต้องรักษาการควบคุมความมั่นคงในดินแดนปาเลสไตน์แห่งนี้” 

“ลูกบอลอยู่ในมือฝ่ายบริหารของไบเดน และพวกเขามีทางเลือก” ชาปิโรกล่าว โดยอ้างถึงการระงับความช่วยเหลือและอาวุธของสหรัฐฯ ต่ออิสราเอล 

“และผมคิดว่านี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีตัวเลือกต่างๆ มากมายหากพวกเขาต้องการใช้ พวกเขาจะได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากสาธารณชนชาวอเมริกัน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสมาชิกในพรรคเดโมแครตของเขาเองด้วย” ชาปิโรเสริม

แม้ว่าการประชุมจะถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าการประชุมดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพเพียงใดตั้งแต่แรก เมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เนทันยาฮูเน้นย้ำว่าอิสราเอลจะบุกโจมตีทางข้ามราฟาห์ แม้ว่าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นข้อความท้าทายที่เกิดขึ้นหลังจากรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ของสหรัฐฯ เตือนว่าจะมี ‘ผลที่ตามมา’ หากอิสราเอลบุกโจมตีภาคพื้นดิน 

ทว่าขณะนี้ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิสราเอลกลับกลายเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณะและรุนแรงมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว 

ต้องรอดูต่อไปว่าท่าทีของอิสราเอลจะเป็นเป็นไปในทิศทางไหน? แล้วสหรัฐฯ จะถึงขั้นคว่ำบาตรยกเลิกส่งมอบอาวุธให้อิสราเอลไหม? สงครามจะผ่อนคลายลงหรือตึงเครียดกว่าเดิม? 

Photo by Brendan SMIALOWSKI / AFP

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์