
BNN Bloomberg รายงานว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ‘จะไม่สนับสนุนการกระทำใดๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์’ หลังจากที่พรรคเพื่อไทยตอบตกลงที่จะเข้าร่วมเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล
“จุดยืนของพรรคเพื่อไทยและตระกูลชินวัตรคือเราเคารพและรักสถาบันพระมหากษัตริย์” ทักษิณกล่าวในการตอบคำถามกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะไม่แตะประเด็นราชวงศ์โดยเสริมว่า “ผมไม่สามารถควบคุมความคิดคนอื่นได้ ผมก็เป็นของผมแบบนี้ และเปิดรับคำวิจารณ์ เพราะผมไม่ได้ต่อสู้เพื่อทำอะไรที่ไม่ดีต่อสถาบันกษัตริย์ ผมต่อสู้เพื่อชัยชนะทางการเมืองเท่านั้น”
ท่าทีของทักษิณเป็นการยื่นคำขาดในประเด็นที่ต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างแข็งขันภายในสถาบันการเมืองไทย ขณะที่พรรคเพื่อไทยเองก็มีความกระตือรือร้นที่จะกลับไปเป็นรัฐบาล แต่ก็ต้องระมัดระวังที่จะไม่กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงจากกลุ่มทหารที่นำไปสู่การรัฐประหารซึ่งจะถือเป็นครั้งที่ 2 ของพวกเขาในทศวรรษที่ผ่านมา
พรรคก้าวไกล ซึ่งดำเนินการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ได้ประกาศว่าจะไม่ยอมประนีประนอมต่อการผลักดันการเปลี่ยนแปลงมาตรา 112 ซึ่งตามกฎหมายของประเทศไทยเรียกว่า ‘หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ’ ที่สามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้นานถึง 15 ปี หากพวกเขาถูกตัดสินว่ามีความผิด
พรรคก้าวไกลพยายามรักษา 376 เสียงในสภาล่าง ซึ่งเป็นจำนวนที่ต้องการเพื่อหลีกเลี่ยงเหล่าสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และทำให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ส.ว.ฝ่ายที่ต้องการปกป้องสถาบันกษัตริย์กำลังเผชิญกับแรงกดดันที่มากขึ้นในการ ‘เลือก’ ลงคะแนนให้พิธา ซึ่งพวกเขาบางคนบอกว่าจะไม่ถูกชี้นำ เพียงเพราะผลการเลือกตั้งที่ออกมาเพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ ทักษิณถูกโค่นอำนาจในรัฐประหารปี 2006 และใช้ชีวิตในต่างประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงโทษจำคุกในคดีคอร์รัปชั่น เขากล่าวย้ำเมื่อวันอังคาร (16 พ.ค.) ที่ผ่านมาว่า เขาพร้อมที่จะรับโทษจำคุกหากเขาได้รับอนุญาตให้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับครอบครัว
ที่ผ่านมาทักษิณและพรรคพันธมิตรได้ที่นั่งมากที่สุดในการเลือกตั้งระดับชาติทุกครั้งนับตั้งแต่ปี 2001 เนื่องจากอิทธิพลของเขาในพื้นที่ชนบท ซึ่งเขาได้รับชัยชนะพร้อมด้วยนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคและการรับประกันราคาพืชผล
“ผมได้ตัดสินใจแล้ว ผมไม่สนใจสิ่งอื่นใด” ทักษิณกล่าวโดยย้ำคำพูดก่อนหน้านี้ว่าเขาวางแผนที่จะกลับบ้านในเดือนกรกฎาคม “ผมอยู่ต่างประเทศมา 17 ปี มันเหมือนอยู่ในคุกขนาดใหญ่”
“จุดยืนของพรรคเพื่อไทยและตระกูลชินวัตรคือเราเคารพและรักสถาบันพระมหากษัตริย์” ทักษิณกล่าวในการตอบคำถามกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะไม่แตะประเด็นราชวงศ์โดยเสริมว่า “ผมไม่สามารถควบคุมความคิดคนอื่นได้ ผมก็เป็นของผมแบบนี้ และเปิดรับคำวิจารณ์ เพราะผมไม่ได้ต่อสู้เพื่อทำอะไรที่ไม่ดีต่อสถาบันกษัตริย์ ผมต่อสู้เพื่อชัยชนะทางการเมืองเท่านั้น”
ท่าทีของทักษิณเป็นการยื่นคำขาดในประเด็นที่ต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างแข็งขันภายในสถาบันการเมืองไทย ขณะที่พรรคเพื่อไทยเองก็มีความกระตือรือร้นที่จะกลับไปเป็นรัฐบาล แต่ก็ต้องระมัดระวังที่จะไม่กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงจากกลุ่มทหารที่นำไปสู่การรัฐประหารซึ่งจะถือเป็นครั้งที่ 2 ของพวกเขาในทศวรรษที่ผ่านมา
พรรคก้าวไกล ซึ่งดำเนินการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ได้ประกาศว่าจะไม่ยอมประนีประนอมต่อการผลักดันการเปลี่ยนแปลงมาตรา 112 ซึ่งตามกฎหมายของประเทศไทยเรียกว่า ‘หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ’ ที่สามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้นานถึง 15 ปี หากพวกเขาถูกตัดสินว่ามีความผิด
พรรคก้าวไกลพยายามรักษา 376 เสียงในสภาล่าง ซึ่งเป็นจำนวนที่ต้องการเพื่อหลีกเลี่ยงเหล่าสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และทำให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ส.ว.ฝ่ายที่ต้องการปกป้องสถาบันกษัตริย์กำลังเผชิญกับแรงกดดันที่มากขึ้นในการ ‘เลือก’ ลงคะแนนให้พิธา ซึ่งพวกเขาบางคนบอกว่าจะไม่ถูกชี้นำ เพียงเพราะผลการเลือกตั้งที่ออกมาเพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ ทักษิณถูกโค่นอำนาจในรัฐประหารปี 2006 และใช้ชีวิตในต่างประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงโทษจำคุกในคดีคอร์รัปชั่น เขากล่าวย้ำเมื่อวันอังคาร (16 พ.ค.) ที่ผ่านมาว่า เขาพร้อมที่จะรับโทษจำคุกหากเขาได้รับอนุญาตให้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับครอบครัว
ที่ผ่านมาทักษิณและพรรคพันธมิตรได้ที่นั่งมากที่สุดในการเลือกตั้งระดับชาติทุกครั้งนับตั้งแต่ปี 2001 เนื่องจากอิทธิพลของเขาในพื้นที่ชนบท ซึ่งเขาได้รับชัยชนะพร้อมด้วยนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคและการรับประกันราคาพืชผล
“ผมได้ตัดสินใจแล้ว ผมไม่สนใจสิ่งอื่นใด” ทักษิณกล่าวโดยย้ำคำพูดก่อนหน้านี้ว่าเขาวางแผนที่จะกลับบ้านในเดือนกรกฎาคม “ผมอยู่ต่างประเทศมา 17 ปี มันเหมือนอยู่ในคุกขนาดใหญ่”