ยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (Euromonitor International) บริษัทสำรวจข้อมูลทางการตลาดระดับโลกเผยย ‘100 อันดับแรกเมืองจุดหมายปลายทางชั้นนำของโลก 2023’ พบว่า ‘ปารีส’ คว้าอันดับ 1 ไปครองอีกครั้งเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันแล้ว
10 อันดับแรกได้แก่
- ปารีส
- ดูไบ
- มาดริด
- โตเกียว ติด 1 ใน 10 อันดับแรกเป็นครั้งแรก เนื่องมาจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น
- อัมสเตอร์ดัม
- เบอร์ลิน
- โรม
- นิวยอร์ก ไต่ขึ้นมา 2 อันดับ
- บาร์เซโลนา
- ลอนดอน หล่นมา 4 อันดับ
สำหรับประเทศไทยติดโผ 1 ใน 100 มา 3 เมือง ได้แก่ กรุงเทพฯ อันดับที่ 33, ภูเก็ต อันดับที่ 80 และพัทยา-ชลบุรีคว้าอันดับที่ 84 ไปครอง
การสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยการเปรียบเทียบ 55 ตัวชี้วัดใน ‘เสาหลัก 6 ประการ’ ได้แก่
- ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
- ประสิทธิภาพการท่องเที่ยว
- โครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว
- นโยบายการท่องเที่ยวและความน่าดึงดูด
- สุขภาพและความปลอดภัย
- ความยั่งยืน
ทั้งนี้ พบว่า จุดหมายปลายทางในยุโรปที่โดดเด่นในปี 2023 นั้นมี 12 เมืองที่น่าประทับใจอยู่ใน 20 อันดับแรก และ 63 เมืองใน 100 อันดับแรก ซึ่งตรงกันข้ามกับสหรัฐฯ ที่มีเมืองเพียง 2 แห่งติด 20 อันดับแรก (นิวยอร์ก และลอสแองเจลิส ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 19)
สำหรับรายชื่อเมืองที่ได้รับเลือกในปีนี้ ได้แก่ วอชิงตัน ดี.ซี. (อันดับที่ 48), มอนทรีออล (อันดับที่ 68), ซานติเอโกในชิลี (อันดับที่ 88) และวิลนีอุสของลิทัวเนีย (อันดับที่ 92)

นเดชดา โปโปวา ผู้จัดการอาวุโสของยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยว่า “ปารีสยังคงรักษาตำแหน่งเมืองชั้นนำของโลกไว้ได้ หลังจากมีผลงานที่โดดเด่นตามตัวชี้วัดในเสาหลัก 6 ประการ”
เมื่อพิจารณาถึงการเดินทางและการท่องเที่ยวในปีต่อๆ ไป โปโปวาบอกว่า “ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง และอัตราเงินเฟ้อที่ผันผวน คาดว่าจะเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการเติบโตของอุตสาหกรรมในปี 2024 และ 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก”
ตามรายงานที่รวบรวมร่วมกับ ‘Lighthouse’ บริษัทข้อมูลระบุว่า “‘อิสตันบูล’ เป็นจุดหมายปลายทางต่างประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาถึง 20.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับปี 2022 รองลงมาคือ ‘ลอนดอน’ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาเยือน 18.8 ล้านคน ตามมาด้วยดูไบที่ 16.8 ล้านคน”
อย่างไรก็ดี การศึกษาเผยอีกว่า “เหตุการณ์สำคัญในการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมในปี 2023 ก็คือ ‘การกลับมาของการเดินทางระหว่างประเทศของจีน’ ภายหลังการยกเลิกมาตรการกักกันของรัฐบาล”