เจ้าหน้าที่โรงไฟฟ้าระบุวานนี้ (10 ม.ค.) ว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของญี่ปุ่นถูกคลื่นสึนามิสูง 3 เมตรซัด หลังเหตุแผ่นดินไหวครั้งล่าสุด ซึ่งผ่านมานานกว่าสัปดาห์ ทว่าไม่ได้สร้างความเสียหาย
การเปิดเผยดังกล่าว เป็นการย้ำเตือนถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น หลังจาก่เมื่อ 13 ปีที่แล้ว สึนามิทำลายโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หมายเลข 1 ในจังหวัดฟุกุชิมะ ซึ่งถือเป็นภัยพิบัติปรมาณูที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของโลก
แรงสั่นสะเทือนขนาด 7.6 แมกนิจูด ในวันปีใหม่และอาฟเตอร์ช็อกที่รุนแรงได้คร่าผู้คนอย่างน้อย 206 ชีวิตในอิชิคาวะ บ้านเรือนพังทลาย โครงสร้างพื้นฐานเสียหาย และหลายพันคนไม่มีไฟฟ้าใช้
“การวิเคราะห์ของเราพบว่าคลื่นสูง 3 เมตรเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 17.45 น.(ตามเวลาท้องถิ่น)” ตัวแทนของโรงไฟฟ้ากล่าวพร้อมเสริมว่า โรงงานนิวเคลียร์แห่งนี้มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 11 เมตร และยังมีกำแพงกันคลื่นสูง 4 เมตร ที่สร้างขึ้นหลังอุบัติเหตุที่ฟุกุชิมะในปี 2011
การวิเคราะห์สึนามิเกิดขึ้นหลังจากที่ Hokuriku Electric รวบรวมข้อมูลจากอุปกรณ์ตรวจวัดนอกชายฝั่งซึ่งหยุดส่งข้อมูลบันทึกหลังแผ่นดินไหว
มีรายงานความเสียหายเล็กน้อยที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์อื่นๆ ตามแนวชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นหลังแผ่นดินไหว รวมถึงการรั่วไหลของน้ำที่ใช้ทำความเย็นเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ และการปิดระบบไฟฟ้าบางส่วนที่โรงงานแห่งหนึ่ง
ผู้ดำเนินการโรงงานกล่าวว่าไม่มีอันตรายจากความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมหรือตัวโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เอง
ญี่ปุ่น หนึ่งในประเทศที่เสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวมากที่สุดในโลก ได้ปิดเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์มากกว่า 30 เครื่องหลังจากเกิดภัยพิบัติเมื่อปี 2011 แต่ขณะนี้ราว 12 เครื่องกลับมาใช้งานแล้ว
รายงานท้องถิ่นระบุว่า ยังมีผู้สูญหาย 68 รายหลังแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 1 ม.ค. ผู้คนเกือบ 3,500 คนยังคงติดอยู่ในชุมชนห่างไกล โดยเกือบ 30,000 คนอยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐบาล เกือบ 60,000 ครัวเรือนไม่มีน้ำประปา และอีกกว่า 15,000 คนไม่มีไฟฟ้าใช้
Photo by Philip FONG / AFP