สำนักข่าว The Japan Times รายงานว่า ยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียวชักชวนให้ชาวญี่ปุ่นสวมเสื้อคอเต่าเพื่อช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นและช่วยยลดค่าไฟในฤดูหนาวนี้ในเวลาเดียวกันด้วย
โคอิเกะกล่าวเมื่อวันศุกร์ (18 พ.ย.) ที่ผ่านมาว่า “การทำให้คออุ่นมีผลทำให้เกิดความร้อน ฉันสวมเสื้อคอเต่าและผ้าพันคอซึ่งช่วยให้อบอุ่นขึ้น โดยสิ่งนี้จะช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ด้วย”
“นี่เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะฝ่าฟันสภาพอากาศเลวร้ายในฤดูหนาวไปด้วยกัน” เธอกล่าว พร้อมเสริมว่าประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง “ก็เป็นผู้นำในการสวมเสื้อคอเต่า”
ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นได้ดำเนินการแคมเปญ ‘Cool Biz’ ประจำปี โดยส่งเสริมให้แต่งกายลำลองในสำนักงานเพื่อประหยัดพลังงานในช่วงฤดูร้อนที่ร้อนอบอ้าวของประเทศมาแล้ว แต่ถ้าฤดูหนาวจะเรียกว่า ‘Warm Biz’
เช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศ ญี่ปุ่นซึ่งตั้งเป้าจะปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนพลังงานนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ เรียกร้องให้มีการผลักดันการฟื้นฟูอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ เพื่อพยายามจัดการกับต้นทุนพลังงานนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้น
แต่การเคลื่อนไหวดังกล่าวน่าจะพิสูจน์ให้เห็นถึงความขัดแย้งหลังจากเกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะในปี 2011 ซึ่งเกิดจากสึนามิขนาดใหญ่และนำไปสู่การหยุดเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์จำนวนมาก เนื่องจากความกลัวด้านความปลอดภัย
อย่างไรก็ดี 11 ปีต่อมา เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 10 เครื่องจากทั้งหมด 33 เครื่องของญี่ปุ่นกลับมาเดินเครื่องอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่ได้เดินเครื่องทั้งหมดตลอดทั้งปี และพบว่าประเทศยังคงพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลนำเข้าอย่างหนักอีกด้วย
โคอิเกะกล่าวเมื่อวันศุกร์ (18 พ.ย.) ที่ผ่านมาว่า “การทำให้คออุ่นมีผลทำให้เกิดความร้อน ฉันสวมเสื้อคอเต่าและผ้าพันคอซึ่งช่วยให้อบอุ่นขึ้น โดยสิ่งนี้จะช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ด้วย”
“นี่เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะฝ่าฟันสภาพอากาศเลวร้ายในฤดูหนาวไปด้วยกัน” เธอกล่าว พร้อมเสริมว่าประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง “ก็เป็นผู้นำในการสวมเสื้อคอเต่า”
ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นได้ดำเนินการแคมเปญ ‘Cool Biz’ ประจำปี โดยส่งเสริมให้แต่งกายลำลองในสำนักงานเพื่อประหยัดพลังงานในช่วงฤดูร้อนที่ร้อนอบอ้าวของประเทศมาแล้ว แต่ถ้าฤดูหนาวจะเรียกว่า ‘Warm Biz’
เช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศ ญี่ปุ่นซึ่งตั้งเป้าจะปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนพลังงานนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ เรียกร้องให้มีการผลักดันการฟื้นฟูอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ เพื่อพยายามจัดการกับต้นทุนพลังงานนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้น
แต่การเคลื่อนไหวดังกล่าวน่าจะพิสูจน์ให้เห็นถึงความขัดแย้งหลังจากเกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะในปี 2011 ซึ่งเกิดจากสึนามิขนาดใหญ่และนำไปสู่การหยุดเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์จำนวนมาก เนื่องจากความกลัวด้านความปลอดภัย
อย่างไรก็ดี 11 ปีต่อมา เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 10 เครื่องจากทั้งหมด 33 เครื่องของญี่ปุ่นกลับมาเดินเครื่องอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่ได้เดินเครื่องทั้งหมดตลอดทั้งปี และพบว่าประเทศยังคงพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลนำเข้าอย่างหนักอีกด้วย
