ไทยติดโผประเทศเสี่ยงที่ทรัมป์จะเก็บภาษีตอบโต้ ผู้เชี่ยวชาญชี้ไทยกระทบหนักสุดในเอเชีย

25 มี.ค. 2568 - 06:09

  • ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เผยว่า จะพิจารณาเก็บภาษีตอบโต้ประเทศต่างๆ ในวันที่ 2 เมษายนนี้

  • ทรัมป์ระบุว่า ประเทศต่างๆ สามารถเลี่ยงภาษีตอบโต้ที่ว่านี้หากประเทศเหล่านี้ลดภาษีที่เก็บจากสหรัฐฯ หรือย้ายโรงงานมาที่สหรัฐฯ

trump-impose-reciprocal-tariffs-april-thailand-most-impacted-in-asia-SPACEBAR-Hero.jpg

สำนักผู้แทนการค้าแห่งชาติสหรัฐฯ (USTR) ประกาศรายชื่อประเทศที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะพิจารณาการค้าทั้งในรูปแบบภาษีและไม่ใช่ภาษีกับสหรัฐฯ เตรียมใช้มาตรการภาษีตอบโต้ (reciprocal tariffs) โดยไทยเป็นหนึ่งในรายชื่อเหล่านี้ รวมทั้งอาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา จีน สหภาพยุโรป อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย เม็กซิโก รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ สวิตเซอร์แลนด์ ไต้หวัน ตุรกี อังกฤษ และเวียดนาม โดยประเทศเหล่านี้มีสัดส่วนการค้ากับสหรัฐฯ รวมกันถึง 88%  

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เผยว่า จะพิจารณาเก็บภาษีตอบโต้ประเทศต่างๆ ในวันที่ 2 เมษายนนี้ แต่อาจไม่ได้ประกาศทั้งหมดในรอบเดียว ทว่าไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด และว่าประเทศต่างๆ สามารถเลี่ยงภาษีตอบโต้ที่ว่านี้หากประเทศเหล่านี้ลดภาษีที่เก็บจากสหรัฐฯ หรือย้ายโรงงานมาที่สหรัฐฯ  

วันประกาศอิสรภาพ 

ทรัมป์เผยว่า วันประกาศภาษีตอบโต้ 2 เมษายนคือ วันประกาศอิสรภาพสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ จะลดการขาดดุลการค้าโลกได้ถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจากการเก็บภาษีประเทศอื่นในอัตราเดียวกับที่ประเทศนั้นๆ เก็บจากสหรัฐ และตอบโต้อุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี 

อย่างไรก็ดี ทรัมป์ส่งสัญญาณว่า อาจยกเว้นการเก็บภาษีตอบโต้ให้บางประเทศ

“ผมอาจยกเว้นให้หลายประเทศ มันคือการตอบโต้ แต่เราอาจใจดีกว่านั้น ที่ผ่านมาเราใจดีกับหลายๆ ประเทศมานาน...เราอาจเก็บน้อยกว่าที่พวกเขาเก็บเรา เพราะพวกเขาเก็บเราแพงมากและผมไม่คิดว่าพวกเขาจะรับไหว แต่มันจะไม่น้อย”

โดนัลด์ ทรัมป์

การเดินหน้าเก็บภาษีนับตั้งแต่ทรัมป์สาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาถูกมองว่าเป็นการข่มขู่ กลับไปกลับมา และล่าช้า บางครั้งเกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงกำหนดเส้นตายเก็บภาษี เนื่องจากทีมงานด้านการค้าออกนโยบายมาแบบเร็วๆ 

จนถึงตอนนี้ สหรัฐฯ เก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากจีน 20% กลับมาใช้อัตราภาษี 25% เหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้า รวมทั้งเก็บภาษีจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% โดยอ้างว่าทั้งสองประเทศนี้ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงทางการค้ากรณีวิกฤตเฟนทานิลในสหรัฐฯ   

ก่อนหน้านี้ สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และเควิน ฮาสเซ็ตต์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาวเผยว่า ฝ่ายบริหารจะเน้นการเก็บภาษีตอบโต้ในวันที่ 2 เมษายนไปยังกลุ่มประเทศที่แคบลงที่มีการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ มากที่สุด และมีมาตรการกีดกันทางการค้าทางภาษีและไม่ใช่ภาษีสูง 

เบสเซนต์เผยว่าประเทศเหล่านี้มีราว 15% ส่วนฮาสเซ็ตต์เผยกับ Fox Business ว่า สหรัฐฯ จะเน้นไปที่ 10-15 ประเทศ 

ผู้เชี่ยวชาญชี้ไทยเสี่ยงสูง 

บริษัทด้านการเงิน Nomura เตือน ไทยและอินเดียเสี่ยงสูงที่จะถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีตอบโต้ 

โซนัล วาร์มา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำอินเดียและเอเชียไม่รวมญี่ปุ่นระบุว่า “ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชีย (โดยเฉพาะอินเดียและไทย) มีอัตราภาษีศุลกากรสูงกว่า (ต่อสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ) จึงเสี่ยงสูงที่จะถูกเก็บภาษีตอบโต้ หากแยกเป็นภาคส่วน เอเชียเก็บภาษีสินค้าเกษตรและการขนส่งสูงกว่า ในส่วนของสินค้าเกษตรเป็นเรื่องในทางยากทางการเมืองสำหรับเอเชียที่จะลดลง แต่หลายประเทศสามารถลดภาษีศุลกากรในภาคการขนส่งซึ่งรวมถึงยานยนต์” 

วาร์มาระบุอีกว่า สัตว์ พืชผัก ผลิตภัณฑ์อาหาร สิ่งทอและเสื้อผ้า รองเท้า และอุปกรณ์การขนส่ง มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด 

รายงานของ USTR เมื่อปี 2024 ระบุว่า จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และไต้หวันมีมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีสูงกว่า 

Nomura ระบุว่า การขยายกฎเกณฑ์ให้รวมถึงมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีเพิ่มความเป็นไปได้ที่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และประเทศในเอเชียที่พัฒนาแล้วจะถูกจัดเก็บภาษีตอบโต้ในวงกว้างมากขึ้น 

หากทรัมป์พิจารณาเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศที่สามที่ถูกใช้หลบเลี่ยงภาษี Nomura คาดว่าสินค้าบางอย่างจากเวียดนาม มาเลเซีย และไทย ซึ่งมีส่วนแบ่งมูลค่าเพิ่มของจีนในการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์