- สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางนับตั้งแต่อิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่านยังคงตึงเครียด หลังทั้ง 2 ฝ่ายยังยิงตอบโต้ไปมาใส่กันไม่หยุด และดูเหมือนจะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ
- ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามอีกครั้งในทำเนียบขาว ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง แต่ยังไม่ชัดเจนว่าหารือเรื่องใดบ้าง หรือมีการตัดสินใจใดๆ
- มีรายงานการโจมตีพื้นที่ใกล้กับสถานที่จัดตั้งสภากาชาดในกรุงเตหะราน
- กองกำลังตำรวจอิหร่านระบุว่า อิสราเอลโจมตีอาคารบัญชาการกลางของอิหร่านในกรุงเตหะราน ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บบางส่วน แต่ไม่ได้ระบุว่ามีกี่นาย
- ขณะที่กองทัพอิสราเอลระบุว่า เครื่องบินรบของกองทัพโจมตีเป้าหมายมากกว่า 20 แห่งในกรุงเตหะราน รวมถึงสถานที่พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และพื้นที่อื่นๆ เมื่อคืนวันพุธ (18 มิ.ย.)
- กองทัพอิสราเอลออกคำเตือนให้ชาวอิหร่านในหมู่บ้าน 2 แห่งออกจากพื้นที่ในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดี (19 มิ.ย.) ก่อนที่จะโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร
- ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เสนอจะช่วยไกล่เกลี่ยยุติความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน โดยเผยว่ารัสเซียสามารถช่วยเจรจาหาข้อยุติที่จะช่วยให้อิหร่านดำเนินโครงการนิวเคลียร์อย่างสันติได้
- เลขาธิการสหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส แสดงความวิตกกังวลอย่างยิ่งกับการยกระดับความรุนแรงทางทหารระหว่างสองประเทศ และเรียกร้องฝ่ายต่างๆ ให้หลีกเลี่ยงการขยายความขัดแย้งไปในระดับนานาชาติ
- อายะตุลลอฮ์ อะลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ต้องการให้อิหร่าน “ยอมแพ้แบบไม่มีเงื่อนไข” แม้ว่าอิสราเอลจะโจมตีอิหร่านอีกครั้งเมื่อวันพุธ (18 มิ.ย.) และเตือนว่า “การมีส่วนร่วมทางทหารใดๆ ของสหรัฐฯ จะก่อให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไขได้”
- การปรากฏตัวต่อสาธารณะครั้งที่ 2 ผู้นำสูงสุดอิหร่านนับตั้งแต่การโจมตีของอิสราเอลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกิดขึ้นในขณะที่อิสราเอลยกเลิกข้อจำกัดบางประการซึ่งบ่งชี้ว่าภัยคุกคามจากขีปนาวุธของอิหร่านกำลังคลี่คลายลง
- นักการทูตอิหร่านเตือนเมื่อช่วงเช้าวันพุธ (18 มิ.ย.) ว่า “การแทรกแซงของสหรัฐฯ จะทำให้เกิด ‘สงครามเต็มรูปแบบ’”
- เอสมาอิล บาเกอี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม แต่ระบุว่าทหารสหรัฐฯ หลายพันนายประจำการอยู่ในประเทศใกล้เคียงซึ่งอยู่ในระยะที่อาวุธของอิหร่านสามารถโจมตีได้
- เจ้าหน้าที่อิหร่านอีกคนเผยว่า อิหร่านจะยังคงเสริมสมรรถนะยูเรเนียมต่อไปเพื่อวัตถุประสงค์ทางสันติ ซึ่งดูเหมือนจะปฏิเสธข้อเรียกร้องของทรัมป์ที่ต้องการให้อิหร่านยุติโครงการนิวเคลียร์ที่เป็นข้อโต้แย้งออกไป
- ด้านประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณาว่าจะร่วมมือกับอิสราเอลในการโจมตีอิหร่านหรือไม่
- เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทรัมป์กำลังหารือกันถึงวิธีที่สหรัฐฯ จะโจมตีเป้าหมายเหล่านั้นโดยไม่ต้องเข้าไปพัวพันกับสงครามเต็มรูปแบบ
- แหล่งข่าวเผยว่า ทรัมป์ได้ทบทวนแผนการโจมตีอิหร่านแล้ว แต่ยังคงรอเพื่อดูว่าอิหร่านจะถอนตัวจากโครงการนิวเคลียร์หรือไม่
- แหล่งข่าวอีก 2 รายที่ทราบถึงการหารือในทำเนียบขาวระบุว่า ทรัมป์ยังอยู่ในช่วงตัดสินใจ และฝ่ายบริหารยังคงรับฟังความเห็นจากพันธมิตรที่เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยุติการช่วยเหลืออิสราเอลในเชิงรุก
- ผู้เชี่ยวชาญอิหร่านบางคนเตือนว่าการเผชิญหน้าที่ยาวนานอาจกินเวลาตลอดระยะเวลาที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และอาจทำให้ชีวิตและทรัพยากรของชาวอเมริกันต้องสูญเสียไปมากหากสหรัฐฯ ช่วยอิสราเอล
- ผู้สนับสนุนทรัมป์จำนวนมากก็ยังคงตั้งคำถามว่า‘เป็นไปได้หรือไม่ที่สหรัฐฯ จะโจมตีอิหร่านโดยไม่ต้องเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งดังกล่าว’
- แหล่งข่าวเปิดเผยถึงความเสี่ยงในการตอบโต้จากอิหร่านว่าอาจรุนแรงเพียงพอที่กองทัพสหรัฐฯ จะต้องเริ่มเตรียมการฉุกเฉินหากทรัมป์ดำเนินการโจมตีต่อไป
- รายงานยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลเมื่อวันพุธ (18 มิ.ย.) ยังคงอยู่ที่ 24 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตในอิหร่านอย่างน้อย 639 ราย บาดเจ็บมากกว่า 1,300 รายนับตั้งแต่การสู้รบเริ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (13 มิ.ย.)
(Photo by ATTA KENARE / AFP)
