ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ‘ทวิตเตอร์’ (Twitter) มีการจัดการที่ผิดพลาด การเลิกจ้างจำนวนมาก และการหยุดชะงักการให้บริการอยู่บ่อยครั้ง แต่การเปิดตัวแอปฯ คู่แข่งจากเมตา (Meta) อาจพิสูจน์ได้ว่านี่เป็น ‘ฟางเส้นสุดท้าย’
เธรดส์มีผู้ใช้งานเกิน 100 ล้านคน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ได้ออกมาประกาศว่าสิ่งนี้เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับเครือข่ายโซเชียลมีเดียเลยทีเดียว ขณะที่นักวิเคราะห์ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตระบุว่า การใช้งานทวิตเตอร์ ‘ลดลง’ อย่างเห็นได้ชัดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ผลลัพธ์ดังกล่าวยังเน้นย้ำถึงความเสี่ยงที่เมตาก่อให้เกิดขึ้นต่อธุรกิจทวิตเตอร์ และเกิดเป็นคำถามต่อไปว่า ทวิตเตอร์จะสามารถป้องกันการ ‘ขาดทุน’ ได้หรือไม่ หากวันหนึ่งต้องเป็นเช่นนั้น?
ตามข้อมูลของ Cloudflare บริษัทโครงสร้างพื้นฐานอินเตอร์เน็ตและวิเคราะห์ ระบุว่า การใช้งานทวิตเตอร์มีแนวโน้มลดลงมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว แต่อัตราการลดลงนี้ดูเหมือนจะเร่งตัวขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนถึงความสนใจใน ‘เธรดส์’ แอปฯ ที่เพิ่งเปิดตัวและการโยกย้าย (ออก) จำนวนมากจากแพลตฟอร์มทวิตเตอร์
แมทธิว พรินซ์ ซีอีโอของ Cloudflare ได้แชร์แผนภูมิที่แสดงความนิยมของทวิตเตอร์ เปรียบเทียบกับเว็บไซต์อื่นๆ โดยใช้ชื่อว่า ‘Twitter Traffic Tanking’
แผนภูมิดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าในเดือนมกราคม ทวิตเตอร์อยู่ในอันดับที่ 32 ในเดือนถัดไปลดลงไปอยู่ที่ 34 แต่ในต้นเดือนกรกฎาคมความนิยมกลับลดลงอย่างรวดเร็ว โดยร่วงลงมาอยู่ที่อันดับที่ 40 นอกจากนี้ในเว็บไซต์วิเคราะห์อื่นๆ ก็เห็นแนวโน้มที่คล้ายกันนี้ด้วยเช่นกัน
เดวิด คาร์ ผู้จัดการข้อมูลเชิงลึกของเว็บไซต์วิเคราะห์ กล่าวว่า ช่วง 2 วันแรกที่เธรดส์เปิดให้บริการการเข้าชมทวิตเตอร์ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงวันเดียวกันนี้ในสัปดาห์ก่อน และลดลง 11% เมื่อเทียบกับวันที่ 6 และ 7 ก.ค. ปีที่แล้ว (2022)
ขณะที่เว็บไซต์ similarweb ระบุว่า ในปี 2023 ยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ทวิตเตอร์ทั่วโลกลดลง 7.3% เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงเดือนมีนาคม ส่วนการใช้งานในแอปฯ ผ่านแอนดรอยทั่วโลกรายวันเฉลี่ยลดลง 9.8% และรายเดือนลดลง 8% เมื่อเทียบกับรายปี ขณะที่ในสหรัฐฯ ผู้ใช้งานผ่าน ios ลดลง 15% และในแอนดรอยลดลง 14%
อเล็กซ์ สตามอส ผู้อำนวยการของ Stanford Internet Observatory กล่าวว่า เขาทำการ ‘ทดสอบที่ไม่ถูกหลักวิทยาศาสตร์’ ว่าโพสต์เดียวกันที่เขาแชร์บนทวิตเตอร์ เธรดส์ และมาสโตดอน (อีกหนึ่งแอปฯ คู่แข่งที่เคยมาและดับไปแล้ว) เข้าถึงผู้ชมได้อย่างไรบ้างในช่วง 23 ชั่วโมง ด้วยตัวเนื้อหาที่โพสต์นั้นเหมือนกันทั้งหมด เขาได้พบกับการมีส่วนร่วมบนเธรดส์มากกว่าบนทวิตเตอร์อย่างมีนัยสำคัญ โดยวัดจากการกดถูกใจและตอบกลับ
ความบันเทิงมันเริ่มขึ้นเมื่อเหล่าเซเลบ อินฟูลเอนเซอร์ทั้งหลายมาเปิดบัญชีใช้งานเธรดส์เพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึง ‘คิม คาร์ดาเชียน’ และ ‘เจฟ เบโซส’ ที่เคยถูกแบนจากทวิตเตอร์ นอกจากนี้ยังมีสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐฯ มากกว่า 100 คนได้ลงทะเบียนใช้งานด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะมีผู้นำระดับโลกเพียงไม่กี่คนเข้าร่วมในขณะนี้
ซักเคอร์เบิร์ก และอดัม มอสเซอร์รี่ หัวหน้าอินสตาแกรม เน้นย้ำว่า เธรดส์เป็นมากกว่าแอปฯ ที่พยายามมาแทนที่ทวิตเตอร์ เนื่องจากมันพยายามเข้าถึงผู้ชมนอกฐานผู้ใช้งานทวิตเตอร์ นั่นหมายความว่ามันจะไม่ยกระดับเรื่องข่าวสาร หรือเนื้อหาทางการเมืองอย่างจริงจัง โดยให้เหตุผลว่า มันไม่คุ้มกับการพิจารณา
ท่าทีของมอสเซอร์รี่ ทำให้เกิดการถกเถียงกันตามมาเนื่องจาก แนวทางของเธรดส์ ที่ผู้ใช้บางคนยกย่องว่าเป็นแพลตฟอร์มที่เข้าถึงง่ายมากขึ้นสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นทวิตเตอร์ แต่หลายๆ คนก็แย้งว่า มันไม่ได้เกี่ยวแค่เรื่องการเมือง แต่มันรวมไปถึงเรื่องแฟชั่น ดนตรี และความบันเทิง ซึ่งมันอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองแบบตรงๆ เท่านั้นเอง
เธรดส์มีผู้ใช้งานเกิน 100 ล้านคน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ได้ออกมาประกาศว่าสิ่งนี้เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับเครือข่ายโซเชียลมีเดียเลยทีเดียว ขณะที่นักวิเคราะห์ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตระบุว่า การใช้งานทวิตเตอร์ ‘ลดลง’ อย่างเห็นได้ชัดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ผลลัพธ์ดังกล่าวยังเน้นย้ำถึงความเสี่ยงที่เมตาก่อให้เกิดขึ้นต่อธุรกิจทวิตเตอร์ และเกิดเป็นคำถามต่อไปว่า ทวิตเตอร์จะสามารถป้องกันการ ‘ขาดทุน’ ได้หรือไม่ หากวันหนึ่งต้องเป็นเช่นนั้น?
ตามข้อมูลของ Cloudflare บริษัทโครงสร้างพื้นฐานอินเตอร์เน็ตและวิเคราะห์ ระบุว่า การใช้งานทวิตเตอร์มีแนวโน้มลดลงมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว แต่อัตราการลดลงนี้ดูเหมือนจะเร่งตัวขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนถึงความสนใจใน ‘เธรดส์’ แอปฯ ที่เพิ่งเปิดตัวและการโยกย้าย (ออก) จำนวนมากจากแพลตฟอร์มทวิตเตอร์
แมทธิว พรินซ์ ซีอีโอของ Cloudflare ได้แชร์แผนภูมิที่แสดงความนิยมของทวิตเตอร์ เปรียบเทียบกับเว็บไซต์อื่นๆ โดยใช้ชื่อว่า ‘Twitter Traffic Tanking’
แผนภูมิดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าในเดือนมกราคม ทวิตเตอร์อยู่ในอันดับที่ 32 ในเดือนถัดไปลดลงไปอยู่ที่ 34 แต่ในต้นเดือนกรกฎาคมความนิยมกลับลดลงอย่างรวดเร็ว โดยร่วงลงมาอยู่ที่อันดับที่ 40 นอกจากนี้ในเว็บไซต์วิเคราะห์อื่นๆ ก็เห็นแนวโน้มที่คล้ายกันนี้ด้วยเช่นกัน
เดวิด คาร์ ผู้จัดการข้อมูลเชิงลึกของเว็บไซต์วิเคราะห์ กล่าวว่า ช่วง 2 วันแรกที่เธรดส์เปิดให้บริการการเข้าชมทวิตเตอร์ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงวันเดียวกันนี้ในสัปดาห์ก่อน และลดลง 11% เมื่อเทียบกับวันที่ 6 และ 7 ก.ค. ปีที่แล้ว (2022)
ขณะที่เว็บไซต์ similarweb ระบุว่า ในปี 2023 ยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ทวิตเตอร์ทั่วโลกลดลง 7.3% เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงเดือนมีนาคม ส่วนการใช้งานในแอปฯ ผ่านแอนดรอยทั่วโลกรายวันเฉลี่ยลดลง 9.8% และรายเดือนลดลง 8% เมื่อเทียบกับรายปี ขณะที่ในสหรัฐฯ ผู้ใช้งานผ่าน ios ลดลง 15% และในแอนดรอยลดลง 14%
อเล็กซ์ สตามอส ผู้อำนวยการของ Stanford Internet Observatory กล่าวว่า เขาทำการ ‘ทดสอบที่ไม่ถูกหลักวิทยาศาสตร์’ ว่าโพสต์เดียวกันที่เขาแชร์บนทวิตเตอร์ เธรดส์ และมาสโตดอน (อีกหนึ่งแอปฯ คู่แข่งที่เคยมาและดับไปแล้ว) เข้าถึงผู้ชมได้อย่างไรบ้างในช่วง 23 ชั่วโมง ด้วยตัวเนื้อหาที่โพสต์นั้นเหมือนกันทั้งหมด เขาได้พบกับการมีส่วนร่วมบนเธรดส์มากกว่าบนทวิตเตอร์อย่างมีนัยสำคัญ โดยวัดจากการกดถูกใจและตอบกลับ
‘คู่แข่ง’ แต่ไม่ใช่ผู้ที่จะมา ‘แทนที่’
การเติบโตอย่างรวดเร็วของเธรดส์ส่วนหนึ่งมาจากยอดการใช้งานอินสตาแกรม (Instagram) ซึ่งก็เป็นหนึ่งในแอปฯ ของเมตาเช่นกัน โดยมันทำหน้าที่เป็นเหมือน ‘สะพาน’ ให้ผู้ใช้หลายๆ คนกระโดดลงไปและดำดิ่งสู่การลงทะเบียนใช้งานได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังมีเสียงจากผู้ใช้งานเธรดส์หลายๆ คนบอกว่า เขามาใช้งานเธรดส์ก็เพราะว่าไม่พอใจกับทวิตเตอร์ความบันเทิงมันเริ่มขึ้นเมื่อเหล่าเซเลบ อินฟูลเอนเซอร์ทั้งหลายมาเปิดบัญชีใช้งานเธรดส์เพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึง ‘คิม คาร์ดาเชียน’ และ ‘เจฟ เบโซส’ ที่เคยถูกแบนจากทวิตเตอร์ นอกจากนี้ยังมีสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐฯ มากกว่า 100 คนได้ลงทะเบียนใช้งานด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะมีผู้นำระดับโลกเพียงไม่กี่คนเข้าร่วมในขณะนี้
ซักเคอร์เบิร์ก และอดัม มอสเซอร์รี่ หัวหน้าอินสตาแกรม เน้นย้ำว่า เธรดส์เป็นมากกว่าแอปฯ ที่พยายามมาแทนที่ทวิตเตอร์ เนื่องจากมันพยายามเข้าถึงผู้ชมนอกฐานผู้ใช้งานทวิตเตอร์ นั่นหมายความว่ามันจะไม่ยกระดับเรื่องข่าวสาร หรือเนื้อหาทางการเมืองอย่างจริงจัง โดยให้เหตุผลว่า มันไม่คุ้มกับการพิจารณา
ท่าทีของมอสเซอร์รี่ ทำให้เกิดการถกเถียงกันตามมาเนื่องจาก แนวทางของเธรดส์ ที่ผู้ใช้บางคนยกย่องว่าเป็นแพลตฟอร์มที่เข้าถึงง่ายมากขึ้นสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นทวิตเตอร์ แต่หลายๆ คนก็แย้งว่า มันไม่ได้เกี่ยวแค่เรื่องการเมือง แต่มันรวมไปถึงเรื่องแฟชั่น ดนตรี และความบันเทิง ซึ่งมันอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองแบบตรงๆ เท่านั้นเอง