สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาราว 5 แห่งประกาศ ‘เรียนฟรี’ สำหรับนักศึกษาที่มีรายได้ครัวเรือนน้อย มหาวิทยาลัยเหล่านี้ประกาศแผนริเริ่มเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าข้อกำหนดทางการเงินสำหรับนักศึกษาที่จะได้เรียนฟรีนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละแห่ง แต่ทุกแห่งมีผลบังคับใช้ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2025
“ค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยถือเป็นปัญหาใหญที่ทุกครอบครัวต้องเผชิญ และเราตั้งใจที่จะมอบประสบการณ์ทางการศึกษาที่จะเปลี่ยนชีวิตนักศึกษาที่มีความสามารถมากที่สุด ไม่ว่าพวกเขาจะมีฐานะทางการเงินอย่างไรก็ตาม ดังนั้น สำหรับนักศึกษาทุกคนที่ใฝ่ฝันที่จะเข้าเรียนที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) อย่าปล่อยให้ความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายมาขัดขวางคุณ” อธิการบดีแซลลี่ คอร์นบลูธ กล่าว
ค่าเล่าเรียน และค่าธรรมเนียมเฉลี่ยสำหรับนักศึกษาในวิทยาลัยรัฐในปีนี้อยู่ที่ 11,011 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 3.8 แสนบาท) เมื่อเทียบกับ 24,513 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.4 แสนบาท) สำหรับนักศึกษานอกรัฐ ส่วนค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสำหรับวิทยาลัยเอกชนอยู่ที่ 43,505 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.5 ล้านบาท)
การประกาศต่างๆ เกิดขึ้นในขณะที่ชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มตั้งคำถามว่าการเรียนมหาวิทยาลัยคุ้มกับค่าใช้จ่ายหรือไม่
ในปีนี้พบว่าจำนวนการลงทะเบียนเรียนของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ลดลง แต่อัตราการรับเข้าเรียนกลับเพิ่มขึ้น อย่างน้อยก็ในบางมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสัญญาณว่าคนหนุ่มสาวอาจสนใจที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยน้อยลงในปัจจุบัน
ผลสำรวจของศูนย์วิจัย Pew Research Center ในปี 2023 พบว่า ผู้ใหญ่ชาวอเมริกันเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่บอกว่าการมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี 4 ปีนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากในการหางานดีๆ ในปัจจุบัน ในขณะที่มีเพียง 22% เท่านั้นที่บอกว่าค่าใช้จ่ายในการเรียนปริญญาตรี 4 ปีนั้นคุ้มค่า แม้ว่าจะต้องกู้ยืมเงินก็ตาม
ในเดือนมิถุนายนของปีนี้ ชาวอเมริกันเป็นหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาประมาณ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 55 ล้านล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 42% จากเมื่อทศวรรษที่แล้ว และ 36% ของผู้ใหญ่ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปีที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีอย่างน้อย 4 ปีค้างชำระหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา
ค่าเล่าเรียนฟรีเป็นวิธีหนึ่งที่มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจพยายามโน้มน้าวผู้สมัครเรียนที่กังวลใจ สถาบันทั้งหมดที่ประกาศให้ค่าเล่าเรียนฟรีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วต่างยอมรับว่าค่าเล่าเรียนมหาวิทยาลัยมีราคาสูง และพวกเขาสามารถช่วยให้ผู้เรียนได้เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยที่ประกาศเรียนฟรีสำหรับนักศึกษาที่มีรายจ่ายครัวเรือนตามเกณฑ์มีดังนี้ :
-สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT)-
- นักศึกษาที่มีรายได้ครัวเรือนต่ำกว่า 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 6.9 ล้านบาท) สามารถเข้าเรียนได้โดยไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน
- สำหรับนักศึกษาที่มีรายได้ครัวเรือนต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 3.4 ล้านบาท) ไม่ต้องจ่ายเงินใดๆ เลยสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการศึกษาที่ MIT เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยจะออกค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก อาหาร ค่าธรรมเนียม เงินอุดหนุนค่าหนังสือ และค่าใช้จ่ายส่วนตัวด้วย
-มหาวิทยาลัยเท็กซัส-
- ทางมหาวิทยาลัยจะครอบคลุมค่าเล่าเรียน และค่าธรรมเนียมสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่มีรายได้ครัวเรือนต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (3.4 ล้านบาท) หรือต่ำกว่า
-มหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน-
- นักศึกษาที่มีรายได้ครัวเรือนต่ำกว่า 75,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 2.5 ล้านบาท) จะสามารถเข้าเรียนได้ฟรีตั้งแต่ปี 2025 ซึ่งครอบคลุมทั้งค่าเล่าเรียน และค่าธรรมการศึกษาระดับปริญญาตรี
- ส่วนนักศึกษาที่มีรายได้ครัวเรือนต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (3.4 ล้านบาท) จะได้โอกาสเรียนต่อโดยไม่ต้องแบกรับภาระเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาจากรัฐบาลกลาง
-มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น-
- ทางมหาวิทยาลัยจะจ่ายค่าเล่าเรียนในปีแรกให้กับนักศึกษาที่มีรายได้ครัวเรือนต่ำกว่า 75,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 2.5 ล้านบาท) หรือต่ำกว่า
-มหาวิทยาลัยแบรนไดส์-
- ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงหน้าปี 2025 เป็นต้นไป นักศึกษาที่มีรายได้ครัวเรือนต่ำกว่า 75,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 2.5 ล้านบาท) จะได้รับทุนการศึกษาครอบคลุมค่าเล่าเรียนเต็มจำนวน
- ส่วนนักศึกษาที่มีรายได้ครัวเรือนต่ำกว่า 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 6.9 ล้านบาท) จะได้รับทุนการศึกษา 50% ของค่าเล่าเรียน
AFP / Getty Images via AFP / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Maddie Meyer