สหรัฐฯ ตั้งแนวร่วม 10 ชาติต่อต้านการโจมตีของกลุ่มกบฏฮูษีในทะเลแดง

19 ธันวาคม 2566 - 07:08

us-led-coalition-of-10-nations-to-counter-houthi-attacks-on-vessels-red-sea-SPACEBAR-Hero.jpg
  • “การโจมตีของกลุ่มฮูษีที่มีเป้าหมายเป็นเรือพาณิชย์ที่ผ่านเส้นทางน้ำระหว่างประเทศอย่างถูกกฎหมาย ยังคงคุกคามสิทธิและเสรีภาพในการเดินเรือ ความมั่นคงทางทะเลระหว่างประเทศ และการค้าระหว่างประเทศ”

  • แนวร่วม 10 ชาติได้แก่ สหราชอาณาจักร บาห์เรน แคนาดา ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ เซเชลส์ และสเปน

เมื่อวันจันทร์ (18 ธ.ค.) ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ประกาศแนวร่วม 10 ประเทศเพื่อปราบปรามการโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนของกลุ่มกบฏฮูษีบนเรือที่ผ่านทะเลแดง โดยมีอังกฤษ ฝรั่งเศส บาห์เรน และอิตาลี อยู่ในกลุ่มประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการด้านความมั่นคงข้ามชาติ (multinational security initiative) 

“ประเทศต่างๆ ที่พยายามรักษาหลักการพื้นฐานเกี่ยวกับเสรีภาพในการเดินเรือจะต้องร่วมมือกันเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดจากผู้มีบทบาทที่ไม่ใช่รัฐ (non-state actor) รายนี้” ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ 

กลุ่มกบฏฮูษีที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านได้ยกระดับการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน เรือบรรทุกสินค้า และเรืออื่นๆ ในทะเลแดง ส่งผลกระทบต่อเส้นทางคมนาคมที่ขนส่งการค้าโลกมากถึง 12%

“นี่เป็นความท้าทายระดับนานาชาติที่ต้องการการดำเนินการร่วมกัน ดังนั้นวันนี้ ผมจึงประกาศการจัดตั้งโครงการ ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์ความเจริญรุ่งเรือง’ (Operation Prosperity Guardian) ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มด้านความมั่นคงข้ามชาติใหม่ที่สำคัญ…สหราชอาณาจักร บาห์เรน แคนาดา ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ เซเชลส์ และสเปน จะเข้าร่วมกับสหรัฐฯ ในภารกิจใหม่นี้”

ออสตินกล่าว

บางประเทศจะดำเนินการลาดตระเวนร่วม ในขณะที่บางประเทศให้การสนับสนุนข่าวกรองในทะเลแดงตอนใต้และอ่าวเอเดน นอกจากนี้ หลายประเทศยังตกลงที่จะมีส่วนร่วมในปฏิบัติการดังกล่าว แต่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อต่อสาธารณะ   

ภารกิจนี้จะได้รับการประสานงานโดยกองกำลังรวมเฉพาะกิจ ‘combined task force 153 / CTF 153’ ที่มีอยู่แล้ว ซึ่งจัดตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2022 เพื่อปรับปรุงความมั่นคงทางทะเลในทะเลแดง ช่องแคบบาบุลมันดับ และอ่าวเอเดน โดยมีสมาชิก 39 ประเทศใน CTF 153 แต่เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการเพื่อพิจารณาว่าประเทศใดจะมีส่วนร่วมในความพยายามครั้งล่าสุดนี้ 

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติดำเนินการต่อต้านการโจมตีดังกล่าวด้วย 

ในจดหมายถึงสมาชิกสภาที่สำนักข่าว AP ได้รับมาเมื่อวันจันทร์นั้น เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์กล่าวว่า “การโจมตีของกลุ่มฮูษีที่มีเป้าหมายเป็นเรือพาณิชย์ที่ผ่านเส้นทางน้ำระหว่างประเทศอย่างถูกกฎหมาย ยังคงคุกคามสิทธิและเสรีภาพในการเดินเรือ ความมั่นคงทางทะเลระหว่างประเทศ และการค้าระหว่างประเทศ” 

ขณะที่กลุ่มฮูษีก็ออกมากล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า พวกเขาได้โจมตีเรือ 2 ลำที่เชื่อมโยงกับอิสราเอลในทะเลแดง ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับฉนวนกาซา  

การโจมตีเรือสวอนแอตแลนติกที่นอร์เวย์เป็นเจ้าของ และเรืออีกลำหนึ่งที่กลุ่มฮูษีระบุว่าเป็นเรือ ‘MSC Clara’ ถือเป็นเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นทางทะเลซึ่งกระทบต่อการค้าโลกในความพยายามที่จะกดดันอิสราเอลให้ทำสงครามกับกลุ่มฮามาส ภายหลังปฏิบัติการก่อการร้ายเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม  

กลุ่มติดอาวุธที่ควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนเหนือของเยเมนได้ประกาศตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของ ‘แกนต่อต้าน’ของกลุ่มพันธมิตรอิหร่าน และกล่าวว่า ‘การโจมตีของพวกเขามีเป้าหมายเพื่อยุติสงครามในฉนวนกาซา กลุ่มฮูษียังได้ยิงขีปนาวุธร่อน โดรน และขีปนาวุธใส่อิสราเอลหลายลูกนับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม

กลุ่มฮูษีกล่าวในแถลงการณ์ว่า

พวกเขาได้ปฏิบัติการทางทหารต่อเรือ 2 ลำที่เชื่อมโยงกับกลุ่มไซออนิสต์ (ยิว) โดยใช้โดรนของกองทัพเรือ พวกเขาให้คำมั่นว่า ‘จะป้องกันไม่ให้เรือทุกลำที่มุ่งหน้าไปยังท่าเรือของอิสราเอล…จากการเดินเรือในทะเลอาหรับและทะเลแดง จนกว่าอาหารและยาจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในฉนวนกาซาได้มากขึ้น’

แต่เจ้าของเรือสวอนแอตแลนติก ซึ่งเป็นผู้ประดิษฐ์เรือบรรทุกสารเคมีของนอร์เวย์กล่าวในแถลงการณ์ว่า “เรือลำนี้กำลังขนส่งวัตถุดิบเชื้อเพลิงชีวภาพจากฝรั่งเศสไปยังเกาะเคอูนยง…เรือลำดังกล่าว ‘ไม่มีความเชื่อมโยงกับอิสราเอล’ และได้รับการจัดการโดยบริษัทสิงคโปร์” พร้อมเสริมว่า “ลูกเรือชาวอินเดียไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ และเรือลำดังกล่าวได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย” 

ทั้งนี้ เรือรบสหรัฐฯ 3 ลำ ได้แก่ USS Carney, USS Stethem และ USS Mason รวมถึงเรือพิฆาตของกองทัพเรือทั้งหมด ได้เคลื่อนตัวผ่านช่องแคบบาบุลมันดับทุกวันเพื่อช่วยยับยั้งและตอบสนองต่อการโจมตีจากกลุ่มฮูษี 

อย่างไรก็ดี การโจมตีเมื่อวันจันทร์เกิดขึ้นเมื่อออสตินเยือนอิสราเอลก่อนแวะที่บาห์เรน ซึ่งเป็นฐานทัพเรือที่ 5 ของกองทัพเรือสหรัฐฯ “การโจมตีการขนส่งของกลุ่มนี้ ‘ประมาทเลินเล่อ เป็นอันตราย และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ’ ” ออสตินกล่าวก่อนหน้านี้ขณะอยู่ในอิสราเอลที่งานแถลงข่าวร่วมกับโยอาฟ แกลลันต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล 

ความเคลื่อนไหวเพื่อจัดตั้งปฏิบัติการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเรือพาณิชย์ 3 ลำถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธที่ยิงโดยกลุ่มฮูษีในเยเมนเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม การโจมตีเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามความรุนแรงที่ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งรวมถึงติดอาวุธและโดรนอื่นๆ ที่ยิงไปในทิศทางของเรือรบสหรัฐฯ 

กองทัพสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันเสาร์ (16 ธ.ค.) ว่า เรือพิฆาตสหรัฐฯ ลำหนึ่งได้ยิงโดรน 14 ลำตกในทะเลแดงที่ปล่อยจากพื้นที่ควบคุมของกบฏในเยเมน  

จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ยังไม่ได้ตอบโต้กลุ่มฮูษีที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ซึ่งปฏิบัติการในเยเมน หรือกำหนดเป้าหมายอาวุธหรือสถานที่อื่นๆ ของกลุ่มติดอาวุธ โดยออสตินเองก็ไม่ได้ตอบคำถามว่าทำไมสหรัฐฯ จึงไม่ทำการโจมตีตอบโต้ 

ผลกระทบที่เกิดขึ้น… 

ผู้ขนส่งน้ำมันรายใหญ่หลายรายระงับการให้บริการผ่านทะเลแดง เนื่องจากมีเรือมากกว่าหนึ่งสิบลำถูกโจมตีนับตั้งแต่เริ่มสงครามอิสราเอล-ฮามาสเมื่อต้นเดือนตุลาคม 

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ‘BP’ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่กล่าวว่าจะหยุดกิจกรรมการขนส่งในทะเลแดงชั่วคราว “ความปลอดภัยและความมั่นคงของบุคลากรของเราและผู้ที่ทำงานในนามของเราถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกของ BP เนื่องจากสถานการณ์ด้านความปลอดภัยที่ย่ำแย่ลงสำหรับการขนส่งในทะเลแดง BP จึงตัดสินใจหยุดการขนส่งทั้งหมดผ่านทะเลแดงเป็นการชั่วคราว” บริษัทกล่าวในแถลงการณ์ 

ขณะที่กลุ่มเรือบรรทุกน้ำมันแนวหน้ายังกล่าวอีกว่าพวกเขากำลังหลีกเลี่ยงทะเลแดง 

ตามข้อมูลของ Freightos ระบุว่า “การโจมตีดังกล่าวทำให้ค่าขนส่งทางทะเลสูงขึ้นนับตั้งแต่เริ่มสงครามอิสราเอล-ฮามาส โดยราคาชายฝั่งตะวันออกเพิ่มขึ้น 5% เป็น 2,497 ดอลลาร์สหรัฐต่อตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุต อาจมีราคาแพงกว่านี้อีกเนื่องจากบริษัทใหญ่ๆ หลีกเลี่ยงคลองสุเอซซึ่งไหลลงสู่ทะเลแดง และเลือกที่จะเดินทางไปทั่วแอฟริกาเพื่อไปยังมหาสมุทรอินเดียแทน” 

หากเป็นเช่นนั้นจะทำให้ใช้เวลาขนส่งนานขึ้นอีก 14 วัน ส่งผลให้ต้นทุนเชื้อเพลิงสูงขึ้น และเนื่องจากเรือใช้เวลานานกว่าในการไปถึงจุดหมายปลายทาง วิธีแก้ปัญหาจึงส่งผลให้เกิด ‘ภาวะวิกฤตความจุของเรือ’ ความล่าช้าในการส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์และสินค้าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 

Photo by Aaron Lau / US NAVY / AFP

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์