เปิดเบื้องหลังเจรจาหยุดยิงอิสราเอล-ฮามาสกว่าจะได้เลือดตาแทบกระเด็น

23 พ.ย. 2566 - 09:53

  • เจ้าหน้าที่อาวุโสสหรัฐฯ ออกมาเผยว่ากระบวนการเจรจาให้หยุดยิงตลอด 5 สัปดาห์เริ่มต้นด้วยการเรียกร้องจากกาตาร์ไปยังวอชิงตันและชาวอิสราเอล

  • เป้าหมายของการเจรจาคือ ปล่อยตัวประกันซึ่งถูกกลุ่มฮามาสจับไประหว่างการโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา

us-reveals-excruciating-five-week-negotiations-behind-israel-hamas-deal-SPACEBAR-Hero.jpg

เจ้าหน้าที่อาวุโสสหรัฐฯ ไม่เปิดเผยชื่อออกมาเผยว่า “กระบวนการเจรจาที่ทำเอาเลือดตาแทบกระเด็นตลอด 5 สัปดาห์ เริ่มต้นด้วยการเรียกร้องจากกาตาร์ไปยังวอชิงตันและชาวอิสราเอล ในความพยายามที่จะปล่อยตัวประกันบางส่วนซึ่งถูกกลุ่มฮามาสจับไประหว่างการโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา” 

เมื่อวันพุธ (22 พ.ย.) ที่ผ่านมา อิสราเอลและฮามาสได้ประกาศข้อตกลงพักรบที่อนุญาตให้ปล่อยตัวประกันอย่างน้อย 50 คน เพื่อแลกกับนักโทษชาวปาเลสไตน์ในเรือนจำของอิสราเอล 

“กาตาร์ซึ่งเป็นตัวกลางในการเจรจาดังกล่าวได้ขอให้มีการจัดตั้งกลุ่มลับขึ้นมาเพื่อดำเนินการเจรจาในประเด็นนี้อย่างระมัดระวังและเป็นความลับเพื่อทำงานร่วมกับอิสราเอล” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าว 

ทั้งนี้ กาตาร์เป็นที่ตั้งของสำนักงานทางการเมืองของกลุ่มฮามาส และมีสายสัมพันธ์ทางการทูตเบื้องหลังกับอิสราเอล นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของฐานทัพสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอีกด้วย 

แผนเจรจาสุดยากเย็น… 

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยอีกว่า “เจ้าหน้าที่บริหารของไบเดนมีส่วนร่วมรายวัน บางครั้งก็เจรจาทุกชั่วโมงกับกาตาร์ กับอียิปต์ และอิสราเอลเกี่ยวกับประเด็นตัวประกัน” ส่วนตัวประธานาธิบดีไบเดนเองก็ได้เข้าร่วมการเจรจาผ่านช่องทาง Zoom กับครอบครัวของเหยื่อเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม และตามด้วยการเยือนอิสราเอลในอีก 5 วันต่อมา 

“การปล่อยตัวพลเมืองอเมริกัน 2 คนเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมถือเป็นกระบวนการนำร่องสำหรับการเจรจาโดยรวม…เราสามารถติดตาม (ตัวประกัน) ได้แบบเรียลไทม์ ขณะที่พวกเขาย้ายจากฉนวนกาซา ในที่สุดก็ข้ามพรมแดนและเข้าสู่อิสรภาพ…” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าว 

หลังจากนั้น เดวิด บาร์เนีย ผู้อำนวยการหน่วยสืบราชการลับมอสสาด (Mossad) ของอิสราเอล และวิลเลียม เบิร์นส์ หัวหน้าสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) ก็เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการเจรจานี้อย่างลึกซึ้งด้วยเช่นกัน 

การต่อสายพูดคุยกันระหว่างไบเดนและนายกฯ อิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เกิดขึ้นตามมาในวันที่ 20, 22, 23 และ 25 ตุลาคม 

“ไบเดนมีส่วนร่วมทุกวันเนื่องจากมีการเจรจาที่ยากลำบากและข้อเสนอที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวเสริม โดยสังเกตว่าการสนทนามีศูนย์กลางอยู่ที่เส้นทางคมนาคม การเฝ้าระวัง และกรอบเวลา 

ในช่วงเวลานั้น กลุ่มฮามาสถูกกดดันอย่างหนักให้จัดทำรายชื่อตัวประกัน และการสื่อสารก็เป็นเรื่องยากเนื่องจากต้องส่งข้อความผ่านโดฮาหรือไคโรไปยังฉนวนกาซาและส่งกลับอีก กระทั่งในวันที่ 25 ตุลาคม กลุ่มฮามาสก็เผยว่าพวกเขาสามารถปล่อยตัวประกันในระยะแรกได้ประมาณ 50 ราย แต่รายชื่ออย่างเป็นทางการกลับมีเพียง 10 ชื่อเท่านั้น 

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน เบิร์นส์จาก CIA ก็เร่งรีบไปยังโดฮาเพื่อช่วยจัดการกับข้อตกลง แต่การระบุตัวตัวประกันก็ยังคงเป็นประเด็นที่เป็นปัญหา ไบเดนจึงต่อสายตรงหา เชค ทามิม บิน ฮาหมัด อัล-ทานี ผู้ครองรัฐกาตาร์เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน และ “แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าข้อตกลงที่ได้มานั้นยังไม่เพียงพอ” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าว 

“หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มฮามาสก็ได้กำหนดเกณฑ์การระบุตัวประกัน 50 คน ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ไบเดนจึงโทรหาเนทันยาฮูเพื่อกระตุ้นให้เขาเดินหน้าต่อไปด้วยข้อตกลงนี้ และท้ายที่สุดเนทันยาฮูก็เห็นด้วย แต่ทันใดนั้น เมื่อเห็นข้อตกลงในวันนั้น ทุกอย่างก็หยุดชะงักอีกครั้ง โดยกลุ่มฮามาสได้ยุติการเจรจา” 

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยว่า “ไบเดนโทรหาเจ้าเมืองกาตาร์ในวันที่ 17 พฤศจิกายนเพื่อให้ชัดเจนว่าข้อตกลงนี้ต้องจบ” 2 วันต่อมา สหรัฐฯ ก็ได้พบกับ อับบาส คาเมล หัวหน้าหน่วยข่าวกรองอียิปต์ และได้รับคำรับรองจากกลุ่มฮามาสว่าไม่มีความเห็นต่างแล้ว “เป็นครั้งแรกที่ (พวกเขา) เห็นพ้องต้องกัน” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าว 

Photo by Michael M. Santiago / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์