ไม่พลิกโผ! ‘ปูติน’ คว้าชัยเลือกตั้ง ปธน.รัสเซียถล่มทลาย? ท่ามกลางเสียงคัดค้านทั่วโลก

18 มีนาคม 2567 - 06:35

vladimir-putin-claims-landslide-russian-election-victory-SPACEBAR-Hero.jpg
  • “ปูตินนำมาเป็นอันดับที่ 1 ด้วยคะแนนเสียง 87.8% ส่วนอันดับที่ 2 คือ ‘นิโคไล คาริโตนอฟ’ ผู้สมัครจากพรรคคอมมิวนิสต์”

  • หากปูตินยังอยู่ในตำแหน่งไปถึงปี 2029 จะทำให้เขาแซงหน้า ‘โจเซฟ สตาลิน’ และกลายเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของรัสเซียในรอบกว่า 200 ปี

  • “เห็นได้ชัดว่าการเลือกตั้งนี้ไม่เสรีและไม่ยุติธรรม เมื่อพิจารณาว่าปูตินกักขังฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองและขัดขวางไม่ให้ผู้อื่นลงสมัครรับเลือกตั้งอย่างไร”

สัปดาห์แห่งการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียเพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 15-17 มีนาคม 2024 ที่ผ่านมา แน่นอนว่าเป็น ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ ที่ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 5 แล้ว ขณะที่คนหลายพันคนในประเทศและทั่วโลกประท้วงต่อต้านการปกครองแบบเผด็จการของเขา ตลอดจนสงครามในยูเครน และการเลือกตั้งที่เหมือนล็อกมงมาแล้วว่าจะมีผู้ชนะเพียงคนเดียว 

สหรัฐฯ ออกมาประณามถึงการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งดังกล่าวว่า “เห็นได้ชัดว่ามันไม่เสรีและไม่ยุติธรรม” โดยผลการสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนที่เพิ่งลงคะแนนซึ่งเผยแพร่โดยศูนย์วิจัยความคิดเห็นสาธารณะของรัสเซียที่ดำเนินการโดยรัฐระบุว่า “ปูตินได้รับคะแนนเสียงถึง 87.8%”

ปูตินกล่าวสุนทรพจน์ที่สำนักงานใหญ่หาเสียงของเขาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ (17 มี.ค.) พร้อมปัดการวิพากษ์วิจารณ์การเลือกตั้งของชาติตะวันตก โดยบอกผู้สนับสนุนว่า

“เป็นไปตามคาด…คุณต้องการอะไร ให้พวกเขาปรบมือแสดงความยินดีให้เราหรอ? พวกเขากำลังต่อสู้กับเราในความขัดแย้งด้วยอาวุธ…เป้าหมายของพวกเขาคือควบคุมการพัฒนาของเรา แน่นอนว่าพวกเขาพร้อมที่จะพูดอะไรก็ตาม”

ปูตินเสริมว่า ‘ภารกิจหลักของเขาในฐานะประธานาธิบดีคือการทำสงครามในยูเครน เสริมสร้างขีดความสามารถด้านการป้องกันและกองทัพ’ 

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งโดยตรงกับ NATO ปูตินก็บอกว่า “ผมคิดว่าทุกสิ่งเป็นไปได้ในโลกสมัยใหม่…ทุกคนเข้าใจว่านี่จะเป็นก้าวเดียวจากสงครามโลกครั้งที่ 3 เต็มรูปแบบ ผมไม่คิดว่าจะมีใครสนใจเรื่องนั้น” 

นอกจากนี้ ปูตินยังตอบสนองต่อการเสียชีวิตของผู้นำฝ่ายค้าน ‘อเล็กเซ นาวาลนี’ เป็นครั้งแรก โดยอ้างว่าเขามีข้อแลกเปลี่ยนกับนาวาลนีไม่นานก่อนที่เขาจะเสียชีวิต “น่าเสียดาย อะไรที่มันเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นแล้ว ผมตกลงโดยมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง เราเปลี่ยนตัวเขาแล้ว แต่เขาก็ไม่กลับมา…”

หลังจากนับคะแนนได้ 75% คณะกรรมการการเลือกตั้งของรัสเซียก็กล่าวว่า “ปูตินนำมาเป็นอันดับที่ 1 ด้วยคะแนนเสียง 87.8% ส่วนอันดับที่ 2 คือ ‘นิโคไล คาริโตนอฟ’ ผู้สมัครจากพรรคคอมมิวนิสต์” 

ทั้งนี้ รัฐบาลอ้างว่าจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์สูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 74% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปี 2018 พบว่ามีผู้ออกมาใช้สิทธิอยู่ที่ 67.5% และปูตินได้รับคะแนนเสียงที่ 76.7% ด้วย 

ชัยชนะที่ทั่วโลกและประชาชนบางส่วนไม่ยอมรับ…

vladimir-putin-claims-landslide-russian-election-victory-SPACEBAR-Photo01.jpg
Photo: Photo by ROBERTO SCHMIDT / AFP

เอกสารรั่วไหลที่ถูกเผยแพร่กับสำนักข่าว The Guardian ระบุว่า “ระหว่างทางไปสู่ชัยชนะของปูติน รัฐบาลทั้งตัดสิทธิ์ผู้สมัครที่มีท่าทีต่อต้านสงคราม เปิดตัวแคมเปญรณรงค์ลงคะแนนเสียงที่ไม่มีใครเทียบได้โดยมุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และใช้เงินมากกว่า 1 พันล้านปอนด์ในการโฆษณาชวนเชื่อ” 

ผู้นำรัสเซียรายนี้ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ไม่มีความหมายใดๆ หลังจากที่ทางการสั่งห้ามผู้สมัคร 2 คนที่ออกมาแสดงความเห็นต่อต้านสงครามในยูเครน ขณะที่นักการเมืองอีก 3 คนที่ลงสมัครรับเลือกตั้งก็ไม่ได้ตั้งคำถามถึงอำนาจของปูตินโดยตรง และดูเหมือนว่าการมีส่วนร่วมของพวกเขานั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มบรรยากาศแห่งความชอบธรรมให้กับการแข่งขันก็เท่านั้น  

อย่างไรก็ดี ชัยชนะที่คาดเดาได้ของปูตินทำให้กลุ่มคนผู้ต่อต้านออกมาแสดงพลังตามหน่วยเลือกตั้งหลายแห่งในมอสโกและเมืองอื่นๆ ของรัสเซีย ขณะเดียวกัน ‘ยูเลีย นาวาลนายา’ ก็ปรากฏตัวที่สถานทูตรัสเซียในกรุงเบอร์ลิน พร้อมเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนของเธอมากกว่า 2,000 คนแสดงพลังแห่งความแข็งแกร่งด้วยการประท้วงอย่างสันติที่เรียกว่า ‘Noon Against Putin’ ซึ่งเป็นการรวมตัวต่อต้านปูตินตามหน่วยเลือกตั้งในเวลาเที่ยงวัน 

“พวกคุณทำให้ฉันมีความหวังว่าทุกอย่างจะไม่ไร้ประโยชน์ และเราจะยังคงต่อสู้ต่อไป” นาวาลนายากล่าวในโพสต์เมื่อวันอาทิตย์ และบอกอีกด้วยว่าเธอได้เขียนคำว่า ‘นาวาลนี’ ลงในบัตรลงคะแนนด้วย 

ทว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียครั้งนี้นั้นยังถูกประเทศตะวันตกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรวดเร็ว…

จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ออกมาบอกว่า “เห็นได้ชัดว่าการเลือกตั้งนี้ไม่เสรีและไม่ยุติธรรม เมื่อพิจารณาว่าปูตินกักขังฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองและขัดขวางไม่ให้ผู้อื่นลงสมัครรับเลือกตั้งอย่างไร” 

ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวปราศรัยเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า “ปูตินกลายเป็น ‘ผู้หลงอำนาจ’…การเลียนแบบการเลือกตั้งนี้ไม่มีความชอบธรรมและไม่สามารถมีได้ บุคคลนี้จะต้องจบลงที่คอกจำเลยที่ศาลในกรุงเฮก…” 

กระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนีโพสต์บน X ว่า “การเลือกตั้งปลอมใน #รัสเซียนั้นไม่เสรีและไม่ยุติธรรม ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ทำให้ใครประหลาดใจ การปกครองของปูตินเป็นแบบเผด็จการ เขาอาศัยการเซ็นเซอร์ การปราบปราม และความรุนแรง การเลือกตั้งในดินแดนที่ถูกยึดครองของ #ยูเครน ถือเป็นโมฆะ และถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอีกครั้งหนึ่ง” 

รุสลัน ชาเวดดินอฟ จากมูลนิธิต่อต้านการคอร์รัปชั่นของนาวาลนีกล่าวว่า “เราแสดงให้ทั่วทั้งรัสเซียและทั่วโลกเห็นแล้วว่า ‘ปูตินไม่ใช่รัสเซีย’…” 

นอกจากนี้ ชาวรัสเซียบางส่วนยังได้ประท้วงด้วยการเทสีย้อมลงในหีบลงคะแนน รวมถึงการลอบวางเพลิงที่หน่วยเลือกตั้งเมื่อไม่กี่วันก่อน 

ทั้งนี้ พบว่าภายใต้การเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญที่ปูตินจัดทำขึ้นในปี 2020 นั้นทำให้ปูตินมีสิทธิ์อยู่ในตำแหน่งต่อได้อีก 2 สมัย สมัยละ 6 ปี หลังจากที่วาระล่าสุดของเขาหมดลงในปีหน้า ซึ่งอาจทำให้เขาอยู่ในอำนาจได้จนถึงปี 2036 

ภายในปี 2029 การดำรงตำแหน่งของปูตินจะแซงหน้า ‘โจเซฟ สตาลิน’ ผู้ปกครองสหภาพโซเวียตมาเป็นเวลา 29 ปี และส่งผลให้ปูตินกลายเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของประเทศในรอบกว่า 200 ปีนับตั้งแต่จักรวรรดิรัสเซีย 

Photo by NATALIA KOLESNIKOVA / POOL / AFP

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์