เมื่อโลกในปัจจุบันนี้ก้าวเข้าสู่ความขัดแย้งและการแข่งขันมากขึ้นทุกที จะเห็นได้ว่าตลอดปี 2023 มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐฯ ประเด็นไต้หวันที่เพิ่มมากขึ้น สงครามรัสเซียยูเครนที่รบกันอย่างต่อเนื่อง หรือแม้กระทั่งสงครามอิสราเอล-ฮามาสที่ไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อใด ไหนจะลามไปถึงวิกฤตทะเลแดงอีก
ความขัดแย้งระดับโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเหล่านี้นำไปสู่การคาดเดาว่า ‘สงครามโลกครั้งที่ 3 อาจใกล้จะเกิดขึ้นจริงๆ แล้ว?’
หากเป็นเช่นนั้นจริง แล้วจะมีประเทศหรือดินแดนใดบ้างที่ปลอดภัยที่สุดในโลก และเราควรอพยพไปอยู่ที่ไหนดีหากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ขึ้นจริงๆ
ต่อไปนี้คือสถานที่ที่ ‘ปลอดภัยที่สุด’ หากสงครามโลกครั้งที่ 3 มาเยือน
- ทวีปแอนตาร์กติกา

สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ประเทศ แต่เป็นทวีปขนาดใหญ่ที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลกด้วยพื้นที่ประมาณ 14 ล้านตารางกิโลเมตร ถูกล้อมรอบไปด้วยมหาสมุทรแอนตาร์กติกหรือมหาสมุทรใต้ และมีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวสุดขั้ว (extreme tourism) ซึ่งมีทั้งวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม รวมถึงภูมิประเทศที่เป็นน้ำแข็ง
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าผู้คนจำนวนมากจะไม่แวะเวียนเข้ามายุ่งกับสถานที่แห่งนี้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 3 เนื่องจากเป็นทวีปที่ตั้งอยู่ใต้สุดของโลก
- อาร์เจนตินา

แม้ว่าอาร์เจนตินามีเหตุประท้วงความขัดแย้งและความวุ่นวายทางการเมืองอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามแย่งชิงกรรมสิทธิ์หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ระหว่างอังกฤษและอาร์เจนตินาในปี 1982 ที่กินเวลานานเกิน 10 สัปดาห์เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 1,000 ราย ซึ่งอาร์เจนตินาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
แต่ถึงกระนั้นก็พบว่าอาร์เจนตินาจะกลายเป็นสถานที่ที่มีแนวโน้มที่จะรอดพ้นจากความอดอยากหากเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้น จากการศึกษาพบว่าการปล่อยระเบิดนิวเคลียร์ 100 ลูกสามารถปล่อยควันได้มากจนอาจบดบังดวงอาทิตย์ได้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความอดอยากและพืชผลล้มตาย
ด้วยเหตุนี้ อาร์เจนตินาจึงเป็นอีกสถานที่ที่ดี เนื่องจากดินแดนแห่งนี้มีพืชต้านทานโรคมากมาย เช่น ข้าวสาลี
- ภูฏาน

หลังจากเข้าร่วมสหประชาชาติเมื่อวันที่ 21 กันยายน 1971 ภูฏานก็ได้ประกาศว่าตัวเอง ‘เป็นกลาง’ ในเรื่องความขัดแย้งใดๆ ซึ่งจุดยืนนี้ทำให้ประเทศนี้ติดอันดับต้นๆ ในดัชนี ‘สันติภาพโลก’
เมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่ว่าภูฏานไม่มีทางออกสู่ทะเล พร้อมทั้งยังมีพื้นที่ภูเขาอันอุดมสมบูรณ์ นั่นหมายความว่าประเทศจะปลอดภัยเป็นพิเศษหากสงครามโลกครั้งที่ 3 ปะทุขึ้น
- ชิลี

ประเทศที่มีแนวชายฝั่งที่ยาวที่สุดในโลกที่ความยาวรวม 6,435 กม. ซึ่งเทียบได้กับระยะทางระหว่างมอสโกยาวไปจนถึงมาดริด นอกจากนี้ ชิลีเองก็มีพืชผลและทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลายเช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างอาร์เจนตินา
อีกทั้งชิลียังถือว่าเป็นประเทศที่พัฒนาอยู่ในระดับที่ก้าวหน้าที่สุดในอเมริกาใต้อีกด้วย ประกอบกับระดับของโครงสร้างพื้นฐานและการเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ จึงทำให้ที่นี่อาจเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ปลอดภัยหากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3
- ฟิจิ

สำหรับใครก็ตามที่อยากมาอยู่ในประเทศห่างไกลในช่วงที่เกิดสงคราม ฟิจิเป็นอีกประเทศที่เหมาะทีเดียวล่ะ เพราะประเทศนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิกในทวีปโอเชียเนีย และอยู่ห่างจากประเทศที่ใกล้ที่สุดซึ่งก็คือ ‘ออสเตรเลีย’ ประมาณ 2,700 ไมล์
ดินแดนแห่งนี้ขาดกลยุทธ์ทางการทหารเนื่องจากกองทัพมีกำลังพลเพียง 6,000 นาย ทำให้ฟิจิเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ติดอันดับต้นๆ ในดัชนีสันติภาพโลกอีกด้วย
ด้วยพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ประกอบด้วยป่าทึบ ตลอดจนแร่ธาตุและปลาที่อุดมสมบูรณ์ ฟิจิจึงอาจเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การอพยพในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 3
- กรีนแลนด์

กรีนแลนด์เป็นดินแดนปกครองตัวเองของประเทศเดนมาร์ก ถือเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่ในมหาสมุทรอาร์กติกและอยู่ทางเหนือสุดของโลก อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ห่างไกล มีภูเขา และมี ‘ความเป็นกลางทางการเมือง’ จึงเป็นที่หลบภัยในอุดมคติหากเกิดกรณีฉุกเฉิน
เกาะแห่งนี้มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 56,000 คน ซึ่งหมายความว่าดินแดนดังกล่าวไม่น่าจะตกเป็นเป้าหมายของมหาอำนาจระดับโลกใดๆ
- ไอซ์แลนด์

ไอซ์แลนด์เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศนอร์ดิกในยุโรปเหนือซึ่งติดอันดับดัชนีสันติภาพโลกมาอย่างต่อเนื่อง นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ดินแดนแห่งนี้มีชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งใน ‘ประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลก’
นอกจากจะอยู่ห่างไกลแล้ว ไอซ์แลนด์ยังไม่จำเป็นต้องกังวลกับการพึ่งพาทรัพยากรของประเทศอื่นๆ เนื่องจากที่นี่มีแหล่งน้ำจืด ทรัพยากรทางทะเล และแหล่งพลังงานหมุนเวียน
- อินโดนีเซีย

อินโดนีเซียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประกาศจุดยืนที่ ‘เป็นกลาง’ ต่อประเด็นทางการเมืองทั่วโลก โดยในปี 1948 ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ ‘อาห์เหม็ด ซูการ์โน’ ได้บัญญัติคำว่า ‘เสรีและกระตือรือร้น’ เพื่ออ้างถึงนโยบายต่างประเทศของตัวเอง
สิ่งนี้แสดงถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ‘พวกเขาจะทำหน้าที่อย่างเป็นอิสระในกิจการระหว่างประเทศ และมีความกังวลอย่างมากกับการสร้างสันติภาพโลก’
- นิวซีแลนด์

นิวซีแลนด์ดินแดนกีวีประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ที่ติดอันดับ 1 ใน 5 สำหรับดัชนีสันติภาพโลก พร้อมจุดยืนที่ ‘ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด’ ต่อความขัดแย้ง ด้วยความที่ภูมิประเทศเป็นภูเขาจึงทำให้พลเมืองได้รับการปกป้องที่สมบูรณ์แบบหากถูกโจมตี
- แอฟริกาใต้

แม้อันดับในดัชนีสันติภาพโลกจะอยู่ท้ายๆ แต่หลายคนอาจไม่คาดคิดว่าจริงๆ แล้วแอฟริกาใต้เป็นแหล่งอาหารที่หลากหลาย พร้อมด้วยผืนดินและน้ำจืดในปริมาณที่อุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตหากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3
- สวิตเซอร์แลนด์

ในบรรดาประเทศต่างๆ ทั่วโลก สวิตเซอร์แลนด์อาจเป็นประเทศที่มี ‘ความเป็นกลางทางการเมือง’ อย่างดีเลิศและพร้อมที่สุด
ดินแดนสวรรค์บนดินแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้าน ‘จุดยืนอย่างแข็งขัน’ ในประเด็นทางการเมืองระหว่างประเทศมานานเกือบ 200 ปีแล้ว และด้วยภูมิประเทศที่เป็นภูเขา ไม่มีทางออกสู่ทะเล จึงทำให้ประเทศนี้เป็นสถานที่คุ้มกันที่ดีเยี่ยมและมีที่หลบภัยจากนิวเคลียร์จำนวนมากอีกด้วย
- ตูวาลู

ตูวาลู อีกหนึ่งประเทศในทวีปโอเชียเนียที่ถูกรับเลือกว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดหากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 เดิมประเทศนี้ชื่อหมู่เกาะเอลลิซ ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกกึ่งกลางระหว่างฮาวายและออสเตรเลีย
ดินแดนแห่งนี้มีประชากรที่ต่ำมากเพียง 11,000 คน นั่นหมายความว่าโครงสร้างพื้นฐานก็มีปริมาณน้อยเช่นกันเมื่อเทียบกับประเทศตะวันตกชั้นนำ
เนื่องจากทรัพยากรธรรมชาติในตูวาลูยังน้อยอยู่ จึงดูเหมือนว่าประเทศนี้อาจไม่ตกเป็นเป้าหมายอันไม่พึงปรารถนาในกรณีที่อาจเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3