ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้เครื่องบินแอร์อินเดียตกในเวลาไม่ถึง 1 นาที

13 มิ.ย. 2568 - 09:46

  • เครื่องยนต์ขัดข้อง? ชนนก? ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์สาเหตุที่อาจทำให้เครื่องบินแอร์อินเดียตกหลังขึ้นบินได้ในเวลาเพียง 30 วินาที

  • นับเป็นครั้งแรกที่เครื่องบินโบอิ้ง 787-8 Dreamliner ประสบเหตุตกจนมีผู้เสียชีวิตตั้งแต่เริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์ในปี 2011

ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้เครื่องบินแอร์อินเดียตกในเวลาไม่ถึง 1 นาที

โศกนาฏกรรมเครื่องบินตกของสายการบินแอร์อินเดีย (Air India) เมื่อวันพฤหัสบดี (12 มิ.ย.) ที่คร่าชีวิตมากกว่า 265 ราย กำลังจะได้รับการเปิดเผยจากการสืบสวนอย่างละเอียด โดยในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรจะเข้าร่วมการสืบสวนของอินเดียด้วย 

ขณะเดียวกันทางการก็พยายามสืบสวนว่า ‘อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินโบอิ้ง 787-8 Dreamliner ตกหลังจากขึ้นบินไม่นาน’ โดยอยู่ห่างจากรันเวย์ที่สนามบินนานาชาติอาห์มดาบาดเพียง 1.5 กิโลเมตร (0.9 ไมล์) 

นับเป็นครั้งแรกที่เครื่องบินโบอิ้ง 787-8 Dreamliner ประสบอุบัติเหตุตกจนมีผู้เสียชีวิตตั้งแต่เริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์ในปี 2011 เหตุโศกนาฏกรรมเมื่อวันพฤหัสบดี (12 มิ.ย.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตบนเครื่องบินกว่า 265 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายรายในบริเวณย่านที่พักอาศัยในเมืองอาห์มดาบาด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดีย 

เหล่านี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เที่ยวบิน AI171 ตกหลังบินขึ้นไม่ถึง 1 นาที... 

-เจอปัญหาระหว่างบินขึ้น- 

เครื่องบินโบอิ้ง 787-8 Dreamliner เที่ยวบิน AI171 นี้ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือรวม 242 คน ถูกควบคุมเครื่องโดยกัปตันซูมิต สาบาร์วัล และนักบินร่วมไคลฟ์ คุนดาร์ ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นนักบินที่มีประสบการณ์สูง รวมชั่วโมงบินรวมกันมากกว่า 9,000 ชั่วโมง โดยกัปตันสาบาร์วัลมีประสบการณ์บินในสายการบินพาณิชย์มากกว่า 22 ปี  

อมิต ชาห์ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของอินเดียเปิดเผยว่า “เครื่องบินลำนี้บรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 100 ตัน ซึ่งถือเป็นปริมาณเต็มถังขณะที่เครื่องบินไต่ระดับขึ้นจากสนามบินนานาชาติอาห์มดาบาด” 

หน่วยงานกำกับดูแลการบินของอินเดียรายงานว่า หลังจากขึ้นบิน ห้องนักบินได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ (mayday call ) แต่จากนั้นเครื่องบินก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ และยังไม่ชัดเจนว่าอะไรเป็นเหตุให้นักบินต้องขอความช่วยเหลือ แต่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของเครื่องบินลำนี้บอกกับสื่ออินเดียว่าเขาได้ยินเสียงดังขณะที่เครื่องบินพยายามขึ้นสู่ระดับความสูง 

ภาพวิดีโอเผยให้เห็นว่าเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 Dreamliner เที่ยวบิน AI171 บินต่ำเหนือบริเวณที่ดูเหมือนจะเป็นย่านที่อยู่อาศัย โดยข้อมูลที่ส่งมาครั้งสุดท้ายแสดงให้เห็นว่าเครื่องบินบินไปถึงระดับความสูง 190 เมตร แล้วเครื่องบินก็ค่อยๆ ร่อนลงและหายลับไปหลังต้นไม้และอาคาร ก่อนจะเกิดระเบิดครั้งใหญ่ในระยะไกล

นักบินคนหนึ่งกล่าวว่า “มันจะไม่มีเวลาพอสำหรับนักบินที่จะตอบสนองหากเครื่องยนต์ทั้งสองข้างดับพร้อมกัน” ขณะที่ภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งได้รับการตรวจสอบโดย BBC แสดงให้เห็นว่าเครื่องบินลอยอยู่ในอากาศเป็นเวลาเพียง 30 วินาที 

-เครื่องยนต์ขัดข้อง- 

(Photo by Punit PARANJPE / AFP)
(Photo by Punit PARANJPE / AFP)

ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การสืบสวนที่ซับซ้อนของกล่องดำซึ่งบันทึกข้อมูลการบิน และการตรวจสอบเศษซากเครื่องบินจะเริ่มขึ้น แต่จากวิดีโอที่เผยแพร่ออกมา พบว่าเครื่องบินพยายามที่จะยกลำเครื่องขึ้นจากพื้นดิน ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะขาดแรงขับ หรือกำลังในการขึ้นบิน 

สาเหตุหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนคาดเดากันคือ ความเป็นไปได้ว่าเครื่องยนต์ทั้งสองเครื่องขัดข้องซึ่งเกิดขึ้นได้ยากมาก มีคำถามเกิดขึ้นว่าเครื่องบินลำดังกล่าวได้ติดตั้งระบบกังหันอากาศขนาดเล็ก (Ram Air Turbine / RAT) หรือไม่ ซึ่งเป็นกังหันสำรองฉุกเฉินที่จะทำงานเมื่อเครื่องยนต์หลักไม่สามารถผลิตพลังงานให้กับระบบสำคัญๆ ได้   

นักบินอาวุโสคนหนึ่งบอกกับ BBC ว่า “การที่เครื่องยนต์ทั้งสองเครื่องขัดข้องนั้นอาจเกิดจากการปนเปื้อนของเชื้อเพลิง หรือการอุดตันได้ เครื่องยนต์ของเครื่องบินต้องอาศัยระบบวัดเชื้อเพลิงที่แม่นยำ หากระบบดังกล่าวเกิดการอุดตัน อาจทำให้ขาดเชื้อเพลิงและเครื่องยนต์ดับได้” 

ด้าน มาร์โก ชาน อดีตนักบินเผยว่า “ไม่มีหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่าเครื่องยนต์ทั้งสองเครื่องขัดข้อง”โดยอ้างอิงจากภาพวิดีโอที่มีอยู่ ขณะที่ โมฮัน รังกานาธาน ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินบอกกับ BBC ว่า “การที่เครื่องยนต์ทั้งสองเครื่องขัดข้องนั้นเป็น ‘เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ’” 

-ชนนก- 

Photo by : Shutterstock / Desintegrator
Photo by : Shutterstock / Desintegrator

ผู้เชี่ยวชาญในอินเดียบางคนเสนอความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งว่าอาจเกิดจากการที่เครื่องบิน ‘ชนนก’ ซึ่งอาจเป็นอันตรายอย่างมากต่อเครื่องบิน ในกรณีร้ายแรง เครื่องยนต์อาจสูญเสียแรงขับหากดูดนกเข้าไปในเครื่องยนต์ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ของสายการบิน Jeju Air ในเกาหลีใต้ที่คร่าชีวิตผู้โดยสารไป 179 รายเมื่อปีที่แล้ว 

ผู้เชี่ยวชาญและนักบินที่คุ้นเคยกับสนามบินนานาชาติอาห์มดาบาดบอกกับ BBC ว่า “สนามบินแห่งนี้้ ‘มีชื่อเสียงในเรื่องการมีนกจำนวนมาก’ บริเวณใกล้สนามบิน” ขณะที่รังกานาธานบอกว่า “นกมักจะอยู่แถวนั้นตลอด” ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของรัฐคุชราตที่รายงานว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์เครื่องบินชนกับนกถึง 462 ครั้ง โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่สนามบินนานาชาติอาห์มดาบาด 

รายงานของสำนักข่าว Times of India เมื่อเดือนกันยายน 2023 อ้างอิงข้อมูลของหน่วยงานท่าอากาศยาน ‘Airport Authority’ ระบุว่า “มีเหตุการณ์นกชนเครื่องบิน 38 ครั้งในปี 2022–2023 ในเมืองอาห์มดาบาด ซึ่งเพิ่มขึ้น 35% จาก 12 เดือนก่อนหน้า” 

ในกรณีอุบัติเหตุของสายการบิน US Airways ปี 2009 เครื่องบินได้ดูดนกนางนวลจำนวนมากที่ความสูง 822 เมตรซึ่งสูงกว่าความสูงที่เที่ยวบิน AI171 ของแอร์อินเดียบินขึ้นถึง 4 เท่าตัว แต่ในกรณีของเที่ยวบิน AI171 นั้นไม่มีทั้งความสูง หรือมีเวลาพอที่จะหลบหลีก หรือควบคุมเครื่องบินได้ 

นักบินอาวุโสคนหนึ่งบอกว่า “การชนกับนกมักไม่ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมร้ายแรง เว้นแต่จะส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ทั้งสองข้างพร้อมกัน ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่หายากและรุนแรงมาก” 

-แฟลบเครื่องบินอาจไม่ได้กางในตำแหน่งที่เหมาะสม- 

(Photo by Indian Press Information Bureau (PIB) / AFP)
(Photo by Indian Press Information Bureau (PIB) / AFP)

ผู้เชี่ยวชาญ 3 คนที่ให้สัมภาษณ์กับ BBC เผยว่า “ภัยพิบัติครั้งนี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากแฟลบ (Flap / ส่วนประกอบที่อยู่บริเวณส่วนปลายของปีกเครื่อง) ของเครื่องบินไม่ได้ถูกกางออกระหว่างการขึ้นบิน” แม้ว่านักบินและนักวิเคราะห์คนอื่นๆ จะคัดค้านประเด็นนี้ก็ตาม 

หากแฟลบไม่ได้กางออกอย่างเหมาะสม เครื่องบินที่บรรทุกผู้โดยสารเต็มลำ รวมถึงบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวนมากสำหรับเที่ยวบินระยะไกล และต้องบินในสภาพอากาศร้อนจัดอย่างที่อาห์มดาบาดซึ่งอุณหภูมิใกล้ 40 องศาฯ จะประสบปัญหาในการบินขึ้นอย่างมาก เนื่องจากอากาศที่เบาบางลงจะต้องใช้การตั้งค่าแฟลบที่สูงขึ้นและแรงขับเครื่องยนต์มากขึ้น 

“ในสภาวะเช่นนี้ แม้แต่ข้อผิดพลาดในการตั้งค่าเพียงเล็กน้อยก็อาจส่งผลร้ายแรงได้” นักบินคนหนึ่งบอกกับ BBC 

ภาพจากกล้องวงจรปิดที่เผยแพร่ในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี (12 มิ.ย.) แสดงให้เห็นเครื่องบินบินขึ้นจากเมืองอาห์มดาบาด ซึ่งพยายามบินขึ้นสู่ระดับความสูง จากนั้นจึงค่อยๆ ลดระดับลงก่อนที่จะตกลงมา 

แต่หากเครื่องบินขึ้นบินโดยที่แฟลบไม่กางออก ระบบเตือนความปลอดภัยในช่วงบินขึ้นจะต้องส่งสัญญาณเตือนให้นักบินทราบถึงการตั้งค่าที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการบินขึ้นในสภาพที่แฟลบไม่ได้กางออกอย่างเหมาะสม  

“ภาพวิดีโอที่ถูกเปิดเผยออกมาจนถึงตอนนี้บิดเบือนเกินกว่าที่จะระบุได้อย่างแน่ชัดว่าแฟลบกางออกหรือไม่ แต่ถ้าพบว่าแฟลบไม่ได้กางออกอย่างถูกต้อง นั่นจะถือเป็น ‘ความผิดปกติอย่างมาก’ เพราะแฟลบจะถูกตั้งค่าโดยนักบินเองก่อนบินขึ้น พร้อมกับรายการตรวจสอบและขั้นตอนหลายขั้นตอนเพื่อยืนยันการตั้งค่านี้้...นั่นอาจชี้ให้เห็นถึงข้อผิดพลาดของมนุษย์หากไม่ได้ตั้งค่าแฟลบอย่างถูกต้อง” ชาน อดีตนักบินบอกกับ BBC 

(Photo by Handout / CENTRAL INDUSTRIAL SECURITY FORCE (CISF) / AFP)   

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์