เคยสงสัยไหมว่าประเทศอื่นๆ หลายประเทศไม่ต้องมาเสียเวลากากบาทบนบัตรเลือกตั้งอีกต่อไปแล้วไม่ว่าจะเป็นบราซิล เวเนซุเอลา อาร์เจนตินา เบลเยียม แคนาดา อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เป็นต้น โดยประเทศเหล่านี้จะใช้ระบบเลือกตั้งแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Voting Machines (EVM)) แทน ซึ่งเป็นเครื่องที่ช่วยทั้งการลงคะแนนและนับคะแนนอีกด้วย
แต่ถึงจะทันสมัยขนาดนั้น EVM ก็ไม่ได้ถูกนำไปใช้ทุกประเทศ ประเทศที่ไม่ใช้ เช่น ไทย เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี สหรัฐฯ
แล้ว EVM ที่ว่านี้มันคืออะไรและใช้ยังไง และมีข้อดีข้อเสียยังไง? ทำไมหลายๆ ประเทศก็ไม่เลือกที่จะนำมาใช้ในการเลือกตั้ง
แต่ถึงจะทันสมัยขนาดนั้น EVM ก็ไม่ได้ถูกนำไปใช้ทุกประเทศ ประเทศที่ไม่ใช้ เช่น ไทย เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี สหรัฐฯ
แล้ว EVM ที่ว่านี้มันคืออะไรและใช้ยังไง และมีข้อดีข้อเสียยังไง? ทำไมหลายๆ ประเทศก็ไม่เลือกที่จะนำมาใช้ในการเลือกตั้ง
ระบบลงคะแนน ‘EVM’ คืออะไร?

เครื่องลงคะแนนเสียงอิเล็กทรอนิกส์ (EVM) เป็นส่วนสำคัญของประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม มีชื่อเสียงอย่างมากจากการใช้งานในประเทศอินเดียที่เริ่มใช้สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นปี 1977 ซึ่งเป็นระบบที่เข้ามาแทนที่บัตรลงคะแนนแบบเก่า
เครื่อง EVM จะช่วยให้ผู้ลงคะแนนเสียงลงคะแนนให้กับผู้สมัครที่ตัวเองเลือกหรือจะเลือก ‘NOTA’ (ในกรณีที่เห็นว่าไม่มีแคนดิเดตคนไหนเหมาะสม) ก็ได้ แต่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนจำเป็นต้องรู้ว่า EVM ทำงานอย่างไร
ทั้งนี้ เครื่อง EVM จะระบุสัญลักษณ์ของพรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้งในท้องถิ่นที่เป็นตัวแทนในเครื่อง EVM ซึ่งมันไม่เหมือนกับกระบวนการลงคะแนนเสียงในอดีตตรงที่ไม่ต้องใช้กล่องลงคะแนน แต่เสนอทางเลือกให้เพียงแค่ ‘กดปุ่ม’ เท่านั้น
EVM มี 2 หน่วยคือ หน่วยควบคุมและหน่วยลงคะแนน ในขณะที่หน่วยควบคุมจะอยู่กับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยลงคะแนน ส่วนหน่วยลงคะแนนจะอยู่ภายในช่องลงคะแนน
เครื่อง EVM จะช่วยให้ผู้ลงคะแนนเสียงลงคะแนนให้กับผู้สมัครที่ตัวเองเลือกหรือจะเลือก ‘NOTA’ (ในกรณีที่เห็นว่าไม่มีแคนดิเดตคนไหนเหมาะสม) ก็ได้ แต่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนจำเป็นต้องรู้ว่า EVM ทำงานอย่างไร
ทั้งนี้ เครื่อง EVM จะระบุสัญลักษณ์ของพรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้งในท้องถิ่นที่เป็นตัวแทนในเครื่อง EVM ซึ่งมันไม่เหมือนกับกระบวนการลงคะแนนเสียงในอดีตตรงที่ไม่ต้องใช้กล่องลงคะแนน แต่เสนอทางเลือกให้เพียงแค่ ‘กดปุ่ม’ เท่านั้น
EVM มี 2 หน่วยคือ หน่วยควบคุมและหน่วยลงคะแนน ในขณะที่หน่วยควบคุมจะอยู่กับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยลงคะแนน ส่วนหน่วยลงคะแนนจะอยู่ภายในช่องลงคะแนน

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งที่รับผิดชอบหน่วยควบคุมจะกดปุ่มบัตรลงคะแนนที่จัดเตรียมไว้บนหน่วยควบคุมเพื่อออกบัตรลงคะแนนให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งช่วยให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถลงคะแนนได้ด้วยการกดปุ่ม ‘ผู้สมัคร’ (ปุ่มสีน้ำเงิน) บนหน่วยลงคะแนนเสียง
อย่างไรก็ดี การลงคะแนนเสียงด้วยเครื่อง EVM ได้กลายเป็นพื้นที่การต่อสู้ทางการเมืองด้วยข้อกล่าวหาว่าเครื่องกลดังกล่าวนั้นถูกดัดแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงในหมู่พรรคการเมือง
อย่างไรก็ดี การลงคะแนนเสียงด้วยเครื่อง EVM ได้กลายเป็นพื้นที่การต่อสู้ทางการเมืองด้วยข้อกล่าวหาว่าเครื่องกลดังกล่าวนั้นถูกดัดแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงในหมู่พรรคการเมือง

เขตเลือกตั้งบางแห่งจึงใช้การยืนยันความโปร่งใสด้วยเครื่อง ‘VVPAT’ ซึ่งใช้พิมพ์ผลการเลือกตั้งเป็นกระดาษเพื่อตรวจสอบผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยวิธีนี้ช่วยให้ผู้ลงคะแนนตรวจสอบว่าผลโหวตของพวกเขาถูกต้องหรือไม่
เมื่อทำการโหวตแล้ว ไฟสีแดงดวงเล็กๆ ของเครื่อง EVM จะส่องกระทบกับชื่อและสัญลักษณ์ของผู้สมัครที่ได้รับการลงคะแนนเสียง ในขณะเดียวกันเราจะได้ยินเสียงบี๊บยาวเพื่อยืนยันการลงคะแนนเสียงด้วย ซึ่งเป็นอันว่าเสร็จกระบวนการโหวต
สรุปขั้นตอนการลงคะแนนเสียงแบบ EVM ง่ายๆ ดังนี้
ขั้นที่ 1: ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าไปในคูหาเลือกตั้ง จากนั้นเจ้าหน้าที่ควบคุมจะเปิดใช้งานหน่วยลงคะแนน
ขั้นที่ 2: ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องกดปุ่มสีน้ำเงินที่ตนเลือกให้ตรงกับสัญลักษณ์และชื่อผู้สมัคร
ขั้นที่ 3: หลังจากกดปุ่ม ไฟสีแดงจะสว่างขึ้น และจะมีเสียงบี๊บยาว
ขั้นที่ 4: ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะเห็นใบลงคะแนนที่พิมพ์ออกมาซึ่งแสดงผลโหวตที่เลือกและยืนยันการลงคะแนนเสียง
เมื่อทำการโหวตแล้ว ไฟสีแดงดวงเล็กๆ ของเครื่อง EVM จะส่องกระทบกับชื่อและสัญลักษณ์ของผู้สมัครที่ได้รับการลงคะแนนเสียง ในขณะเดียวกันเราจะได้ยินเสียงบี๊บยาวเพื่อยืนยันการลงคะแนนเสียงด้วย ซึ่งเป็นอันว่าเสร็จกระบวนการโหวต
สรุปขั้นตอนการลงคะแนนเสียงแบบ EVM ง่ายๆ ดังนี้
ขั้นที่ 1: ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าไปในคูหาเลือกตั้ง จากนั้นเจ้าหน้าที่ควบคุมจะเปิดใช้งานหน่วยลงคะแนน
ขั้นที่ 2: ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องกดปุ่มสีน้ำเงินที่ตนเลือกให้ตรงกับสัญลักษณ์และชื่อผู้สมัคร
ขั้นที่ 3: หลังจากกดปุ่ม ไฟสีแดงจะสว่างขึ้น และจะมีเสียงบี๊บยาว
ขั้นที่ 4: ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะเห็นใบลงคะแนนที่พิมพ์ออกมาซึ่งแสดงผลโหวตที่เลือกและยืนยันการลงคะแนนเสียง

ถ้าถามว่าประเทศไทยมีเครื่อง EVM ไหม? ตอบเลยว่า ‘มี’ แต่แค่ยังไม่ได้เอาออกมาใช้กับการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองและศึกษาการใช้ระบบอยู่นั่นเอง
ปัจจุบันยังคงมีการนำไปสาธิตและทดลองใช้จริง ซึ่งมีทั้งสถาบันการศึกษาและหน่วยงานต่างๆ ขอยืมไปใช้ในการลงคะแนนเลือกตั้งจริงแล้ว เช่น การเลือกตั้งนายกองค์กรนิสิตนักศึกษา การเลือกตั้งประธานนักเรียน หรือแม้แต่การเลือกตั้งกรรมการสหกรณ์
ปัจจุบันยังคงมีการนำไปสาธิตและทดลองใช้จริง ซึ่งมีทั้งสถาบันการศึกษาและหน่วยงานต่างๆ ขอยืมไปใช้ในการลงคะแนนเลือกตั้งจริงแล้ว เช่น การเลือกตั้งนายกองค์กรนิสิตนักศึกษา การเลือกตั้งประธานนักเรียน หรือแม้แต่การเลือกตั้งกรรมการสหกรณ์
ข้อดี VS ข้อเสียของ ‘EVM’

ปัจจุบันมีหลายประเทศที่ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบ EVM ซึ่งพวกเขาเองก็มองว่าประหยัดเวลาและสะดวกรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยแก้ปัญหาในอินเดียที่ต้องใช้เวลาในการจัดการเลือกตั้งหลายวันอีกด้วย
ข้อดี:
เป็นที่น่าแปลกใจมากว่าความทันสมัยของเทคโนโลยี EVM กลับไม่ได้รับความนิยมในหลายประเทศเช่นเดียวกันด้วยเหตุผลในเรื่องของความปลอดภัย ความถูกต้อง และความน่าเชื่อถือ แม้แต่บางประเทศที่พัฒนาแล้วก็ไม่พึ่งพาเทคโนโลยีของ EVM
และอาจด้วยเหตุผลที่ประเทศส่วนใหญ่ก็คิดว่ามันมีข้อเสียมากกว่าข้อดีเสียอีก
ข้อดี:
- EVM เหล่านี้ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงาน เนื่องจากมีระบบสำรองแบตเตอรี่อยู่แล้ว การเลือกตั้งจึงสามารถทำได้ในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้
- รักษ์โลก ลดการใช้กระดาษ
- ไม่มีบัตรเสีย
- ประหยัดเวลาช่วยทำให้การลงคะแนนและนับคะแนนรวดเร็วแม่นยำ
- ลดขั้นตอนความยุ่งยาก
- ใน 1 นาที มีเพียง 5 คนเท่านั้นที่สามารถลงคะแนนใน EVM
- ผู้พิการทางสายตาสามารถลงคะแนนได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ
- มีปุ่ม NOTA ใน EVM ที่ใครๆ ก็สามารถกดลงคะแนนเสียง ‘ไม่ตรงกับข้อใดเลย’ ที่แสดงว่าไม่มีผู้สมัครที่เหมาะสม
- ทราบผลเลือกตั้งได้ทันทีเมื่อปิดการลงคะแนน
- สามารถพกพาและขนส่งเครื่อง EVM จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ง่ายกว่าโดยไม่ยุ่งยาก
เป็นที่น่าแปลกใจมากว่าความทันสมัยของเทคโนโลยี EVM กลับไม่ได้รับความนิยมในหลายประเทศเช่นเดียวกันด้วยเหตุผลในเรื่องของความปลอดภัย ความถูกต้อง และความน่าเชื่อถือ แม้แต่บางประเทศที่พัฒนาแล้วก็ไม่พึ่งพาเทคโนโลยีของ EVM
และอาจด้วยเหตุผลที่ประเทศส่วนใหญ่ก็คิดว่ามันมีข้อเสียมากกว่าข้อดีเสียอีก
- ค่าใช้จ่ายสูง
- มีความเสี่ยงในการเชื่อมอินเทอร์เน็ต หากอยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร
- เครื่องขัดข้องได้ง่าย
- เครื่องลงคะแนนในปัจจุบันมีกลไกล้าสมัยและมีราคาแพงมากในการซ่อมหรือเปลี่ยน
- บางประเทศอย่างเนเธอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ระบุว่า ‘ขาดความโปร่งใส’
- ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะเสี่ยงต่อการโจมตีของแฮ็กเกอร์ และอาจแก้ไขการนับคะแนนได้อย่างง่ายดาย
- หากเครื่องมีไวรัสแค่เพียงตัวเดียวก็สามารถทำลายที่จัดเก็บข้อมูลทั้งหมดได้