กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน เมื่อวันอาทิตย์ (21 ก.ค.) ให้เป็นตัวแทนพรรคลงชิงชัยเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเดือนพ.ย.ที่จะถึงนี้ เหลือเวลาแค่ 107 วัน ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง แต่ยังไม่ชัดเจนว่าแฮร์ริสมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนในการได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรค และเมื่อได้เป็นตัวแทนพรรคแล้ว เธอจะมีโอกาสแค่ไหนที่จะเอาชนะทรัมป์ได้
ชื่นชมผลงานไบเดนเป็นมรดกที่ไม่มีใครเทียบ
รองประธานาธิบดีแฮร์ริสแถลงการณ์ต่อสาธารณะครั้งแรก หลังจากประธานาธิบดีไบเดนถอนตัวไม่ลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ อีกสมัย โดยกล่าวยกย่องว่า มรดกผลงานของไบเดนเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเทียบได้
“มรดกความสำเร็จของไบเดนในช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีใครเทียบได้ในประวัติศาสตร์ยุคใหม่” แฮร์ริสกล่าวที่งานแข่งขันกีฬาวิทยาลัยแห่งชาติ NACC ก่อนที่จะเริ่มเดินสายหาเสียงเต็มวันวันแรกในเมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์
ด้านทีมหาเสียงของแฮร์ริสเปิดเผยว่า สามารถระดมทุนเงินสนับสนุนการหาเสียงได้มากถึง 49.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใน 24 ชั่วโมง หลังไบเดนประกาศสนับสนุนแฮร์ริสเมื่อวันอาทิตย์
รู้จัก กมลา แฮร์ริส
แฮร์ริสวัย 59 ปี เกิดที่เมืองโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นบุตรสาวของผู้อพยพชาวอินเดียและจาเมกา สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Howard University, University of California และ Hastings College of the Law ก่อนจะเริ่มต้นชีวิตการทำงานที่สำนักงานอัยการประจำเขตอาลาเมดาเคาท์ตี้ จากนั้นก็ย้ายไปทำงานที่สำนักงานอัยการเขตซานฟรานซิสโก
ปี 2003 แฮร์ริสได้รับเลือกให้เป็นอัยการเขตของซานฟรานซิสโก ต่อมาในปี 2010 แฮร์ริสเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียคนแรก และเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันคนแรกที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดรัฐแคลิฟอร์เนีย ทั้งยังได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวอีกสมัยในปี 2014
ปี 2017 แฮร์ริสเข้าพิธีสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งวุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนีย ถือเป็นสตรีชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันคนที่ 2 และเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกที่ดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกในประวัติศาสตร์สหรัฐ เธอยังทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการฝ่ายกิจการความมั่นคงแห่งมาตุภูมิและกิจการของรัฐ คณะกรรมาธิการข่าวกรอง คณะกรรมาธิการตุลาการ และคณะกรรมาธิการด้านงบประมาณ
นอกจากนี้ แฮร์ริสยังเป็นสตรีคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่ได้รับเลือกจากพรรคการเมืองใหญ่ให้เข้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีต่อจาก เจราลดีน เฟอร์ราโร ที่เคยได้รับเลือกจากพรรคเดโมแครตในปี 1984 และซาราห์ เพ-ลิน ที่ได้รับเลือกจากพรรครีพับลิกันในปี 2008
เมื่อปี 2022 รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกเดินทางจากสหรัฐฯ มาเยือนไทยเป็นครั้งแรกในฐานะรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อร่วมการประชุมซัมมิตเอเปก ไทยแลนด์ 2022 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ
ปัจจุบันแฮร์ริสพำนักอยู่ในลอสแอนเจลิสกับ ดอจ เอ็มฮอฟฟ์ ผู้เป็นสามี และเป็นมารดาเลี้ยงของ เอลลา และ โคล เอ็มคอฟฟ์ ซึ่งเป็นบุตรภรรยาเก่าของดอจ เอ็มฮอฟฟ์
โอกาสได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรคของแฮร์ริส
แม้ไบเดนประกาศสนับสนุนรองประธานาธิบดีแฮร์ริสให้เป็นตัวแทนคนใหม่ แต่ผู้นำสหรัฐฯ ไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะแต่งตั้งให้แฮร์ริสทำหน้าที่ตัวแทนพรรคโดยอัตโนมัติ
เจมี แฮร์ริสัน ประธานคณธกรรมการแห่งชาติของพรรคเดโมแครตระบุว่า อีกไม่กี่วันข้างหน้าพรรคเดโมแครตจะมีกระบวนการอย่างเป็นระบบและโปร่งใส เพื่อก้าวต่อไปข้างหน้าในฐานะพรรคเดโมแครตที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวเบื้องหลังแคนดิเดตเพียง 1 คน ผู้ที่สามารถโค่น โดนัลด์ ทรัมป์ ในเดือนพ.ย.ได้
ในทางทฤษฎีแฮร์ริสในฐานะรองประธานาธิบดีจะเป็นผู้สืบทอดของไบเดน โดยเธออาจรับช่วงแคมเปญหาเสียงและทรัพยากรของเขา ซึ่งผลโพลล์ในช่วงไม่นานมานี้บ่งชี้ว่า แฮร์ริสมีโอกาสดีกว่าทั้งไบเดนและสมาชิกเดโมแครตคนอื่นๆ หากเธอได้เป็นตัวแทนพรรคไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับทรัมป์
แต่การเสนอชื่อคนอื่นเป็นตัวแทนพรรคแทนแฮร์ริสก็เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ ไม่ผิดกฎ แต่การทำแบบนั้น ก็อาจต้องเผชิญปฏิกิริยาตอบโต้จากฝ่ายสนับสนุนรองประธานาธิบดีผู้นี้ และบรรดาสมาชิกพรรคเดโมแครตผิวดำผู้มีอิทธิพลภายในพรรค
แต่เดิมแฮร์ริสถูกวางตัวเป็นว่าที่แคนดิเดตของพรรค เพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2028 แม้ว่าตลอดการเป็นรองประธานาธิบดีที่ผ่านมา เธอยังไม่สามารถแสดงบทบาทของตัวเองได้อย่างชัดเจนมากนัก แถมต้องวุ่นวายรับมือปัญหายากๆ หลายอย่าง เช่น สิทธิ์ในการโหวต และกลุ่มผู้อพยพจากแอฟริกากลาง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายสัปดาห์ นับตั้งแต่ไบเดนพลาดท่าเสียทีในการดีเบตเมื่อเดือนมิ.ย. แฮร์ริส ก็กลับมาทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนแคมเปญเลือกตั้งของไบเดนได้อย่างน่าชื่นชม โดยเฉพาะในเรื่องอนามัยการเจริญพันธุ์ และภัยคุกคามที่ทรัมป์มีต่อความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ

ใครสนุน-ไม่หนุนแฮร์ริส
แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ บิลและฮิลลารี คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ บรรดาผู้ว่าการรัฐ เช่น ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้ว่าการรัฐเพนซิลวาเนีย ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซี และผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ สมาชิกพรรคเดโมแครตที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ รวมถึงบูติติจีกและบีเชียร์ เอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกรัฐแมสซาจูเสตส์ และบรรดาวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตคนอื่นๆ กลุ่มผู้สนับสนุนการเงินพรรคเดโมแครต ส.ส.ผิวสีและคณะอัยการของรัฐ
ส่วนผู้ที่ยังไม่แสดงท่าทีสนับสนุน ประกอบด้วย อดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ และฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
ฝ่ายสนับสนุนแฮร์ริสเคลื่อนไหวจริงจัง
ตอนนี้สมาชิกพรรคเดโมแครตและผู้บริจาคเริ่มรณรงค์สนับสนุนแฮร์ริส มากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึง บิลกับฮิลลารี คลินตัน แคนดิเดต สว.เดโมแครตหลายคน เช่น แอนดี คิม จากนิวเจอร์ซีย์ แองเจลา ออลโซบรูกส์ จากแมรีแลนด์ และแทมมี บัลด์วิน สว.รัฐวิสคอนซิน
ผู้สนับสนุนของแฮร์ริสเริ่มเคลื่อนไหวตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยหนึ่งในนักยุทธศาสตร์อาวุโสของพรรคเดโมแครต ซึ่งเคยทำงานให้ทีมหาเสียงของแฮร์ริสในปี 2023 บอกกับซีเอ็นเอ็นว่า พวกเขาพยายามรวบรวมคณะผู้เลือกตั้งมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายผู้สนับสนุนแฮร์ริส ที่รวมถึงกลุ่มสตรีผิวดิวผู้เป็นสมาชิกคนสำคัญของพรรคเดโมแครต ซึ่งคอยเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ มาตลอดหลายสัปดาห์ เพื่อทำให้แน่ใจว่าแฮร์ริสจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีพอเป็นผู้นำในการคว้าตั๋วเลือกตั้งของเดโมแครต
รู้จักตัวเก็งผู้แทนพรรคเดโมแครตคนอื่น
นอกจากแฮร์ริสแล้ว ตัวเก็งผู้แทนพรรคคนอื่นๆ รวมถึง แกรทเซ็น วิทเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน แม้ว่าเธอจะประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง หากไบเดนตัดสินใจถอนตัว แต่หลังจากที่ไบเดนถอนตัว เธอก็ออกมากล่าวว่าจะทำทุกอย่างให้พรรคเดโมแครตเป็นรัฐบาล และสกัดทรัมป์ให้ได้
นอกจากนี้ ยังมีกาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย พีต์ บุตติจีก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และจอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลวาเนีย แต่ก็เป็นไปได้เช่นกันที่รายชื่อข้างต้นอาจจะเป็นคู่หูของแฮร์ริส ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี หากเธอได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนพรรคอย่างเป็นทางการ
ไบเดนได้รับเสียงสนับสนุนจากตัวแทนพรรคเดโมแครตถึง 3,896 เสียง มากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ในการเป็นตัวแทนพรรคเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่การที่ไบเดนสนับสนุนแฮร์ริสก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้ที่สนับสนุนไบเดนจะต้องสนับสนุนแฮร์ริสเสมอไป เพราะฉะนั้นการประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตวันที่ 19 ส.ค.นี้ จึงมีความสำคัญและน่าจับตามองเพื่อมองหาสัญญาณเสียงสนับสนุนแฮร์ริส
อย่างไรก็ตาม หากพรรคไม่สามารถรวมเสียงกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อสนับสนุนตัวแทนพรรคได้ อาจจะมีการประชุมใหญ่ในลักษณะเปิดเกิดขึ้น เนื่องจากไม่มีผู้ถูกเสนอชื่ออย่างเป็นอย่างการก่อนการประชุม สมาชิกพรรคที่ประสงค์จะเป็นผู้แทนพรรคเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีมีสิทธิโน้มน้าวให้สมาชิกพรรคลงคะแนนเสียงให้ตนได้ ซึ่งการประชุมใหญ่ในลักษณะเปิดของพรรคการเมืองสหรัฐเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1968 เมื่อลินดอน เบนส์ จอห์นสัน ตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นผู้แทนพรรคเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
ผู้ประสงค์เป็นตัวแทนพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งต้องการเสียงสนับสนุน 300 เสียง ซึ่งต้องไม่มากกว่า 50 เสียงสำหรับผู้แทนจากหนึ่งรัฐ สำหรับการถูกเสนอชื่อ โดยจะมีการลงคะแนนเสียงในรอบแรกโดยตัวแทนของรัฐแต่ละรัฐ จำนวน 3,900 เสียง
หากไม่มีใครได้รับเสียงเป็นเอกฉันท์ ซึ่งต้องการอย่างน้อย 1,976 เสียง กระบวนการลงคะแนนเสียงจะดำเนินต่อไป
ทรัมป์ตราหน้าไบเดนปธน.แย่ที่สุดของประเทศ
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ได้โทรศัพท์สอบถามความคิดเห็นของทรัมป์ หลังประธานาธิบดีไบเดน ตัดสินใจถอนตัวจากศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสนับสนุนให้แฮร์ริส รองประธานาธิบดี เป็นตัวแทนพรรคลงเลือกตั้งในเดือนพ.ย.ว่า ไบเดน ตกต่ำลงจนกลายเป็นประธานาธิบดีที่แย่ที่สุดของประเทศและตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่า ใครจะเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงสมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี แต่ทรัมป์ มั่นใจว่าแฮร์ริสจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เอาชนะง่ายกว่าไบเดน
ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัดสินใจไม่ลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 โดยครั้งล่าสุดคือ ประธานาธิบดีลินดอน จอห์นสัน ในปี 1968
การตัดสินใจของไบเดนเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสเรียกร้องจากหลายฝ่าย รวมถึงภายในพรรคเดโมแครตเอง ให้เขาถอนตัว จากข้อกังขาเรื่องอายุและศักยภาพของเขา นับตั้งแต่ไบเดนทำผลงานได้น่าผิดหวังในการดีเบตนัดแรกเมื่อเดือนมิ.ย. ซึ่งเขาแสดงท่าทีอ่อนแรง สับสน และบางครั้งก็พูดไม่รู้เรื่อง
ผู้นำโลกแห่ชื่นชมไบเดนตัดสินใจอย่างกล้าหาญ
หลังจากประธานาธิบดีไบเดน ถอนตัวออกจากการแข่งขันชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสนับสนุนให้แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตแข่งขันกับทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน บรรดาผู้นำโลกต่างกล่าวยกย่องไบเดนที่ตัดสินใจอย่างกล้าหาญ เริ่มจากประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวขอบคุณไบเดนที่ตัดสินใจอย่างกล้าหาญเพื่อสนับสนุนประเทศ พร้อมยกย่องการตัดสินใจที่ยากลำบากแต่มีความหนักแน่นของปธน.สหรัฐฯ ที่ตั้งใจจะยุติการเป็นตัวแทนพรรคในศึกเลือกตั้ง
โดนัลด์ ทัสก์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ยกย่องไบเดนที่ตัดสินใจเรื่องที่ยากลำบากมาหลายครั้ง และขอให้โปแลนด์ สหรัฐฯ และโลกมีประชาธิปไตยที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและมีความปลอดภัยมากขึ้น ส่วนเคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า เคารพในการตัดสินใจของไบเดน และหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกันในช่วงการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีที่เหลืออยู่ของผู้นำสหรัฐฯ
โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวยกย่องไบเดนว่าประสบความสำเร็จมามาก ทั้งในประเทศของเขา ยุโรป และโลก การตัดสินใจไม่กลับไปแข่งขันอีกครั้ง สมควรได้รับความเคารพ
ด้านโยอาฟ แกลแลนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล ยกย่องไบเดนที่สนับสนุนอิสราเอลอย่างไม่เปลี่ยนแปลงมาตลอดหลายปี ส่วนจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา กล่าวขอบคุณไบเดนสำหรับการปฏิบัติหน้าที่มานานหลายปี
ขณะที่ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น บอกว่า การตัดสินใจของไบเดนเป็นการตัดสินใจทางการเมืองที่ดีที่สุด ด้าน แอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ขอบคุณไบเดนสำหรับความเป็นผู้นำและการปฏิบัติหน้าที่อย่างดีตลอดมา
ด้านดมิทรี เพสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย บอกว่ายังคงเหลือเวลาอีก 4 เดือน กว่าจะถึงวันเลือกตั้ง และระหว่างนี้อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย รัสเซียจะจับตามองว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกับการเมืองสหรัฐฯ
Photo by Brendan SMIALOWSKI / AFP