การปกครองซีเรียที่ยาวนานกว่า 50 ปีของตระกูลอัสซาดล่มสลายลงอย่างรวดเร็วอย่างน่าตกตะลึงหลังจากกลุ่มกบฏบุกโจมตีพื้นที่ที่กลุ่มกบฏยึดครองทางตอนเหนือของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเมืองอาเลปโปและเมืองอื่นๆ อีกหลายแห่งภายในเวลาไม่กี่วัน ก่อนที่จะบุกโจมตีกรุงดามัสกัส เมืองหลวงซีเรีย
กองกำลังฝ่ายค้านบุกเข้าไปในเมืองหลวงโดยแทบไม่มีการต่อต้านอะไรเลยเมื่อวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ไหนจะกองทัพซีเรียสลายตัวลง แล้วประธานาธิบดีบัชชาร์ อัล-อัสซาด ผู้ปกครองซีเรียมาเป็นเวลา 24 ปี ก็หลบหนีออกจากประเทศอีก
การสิ้นสุดอำนาจอย่างกะทันหันของอัสซาดถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าตกตะลึง หลังประเทศต้องเผชิญความขัดแย้งอันเลวร้ายมาอย่างยาวนานถึง 14 ปี ซึ่งจุดชนวนขึ้นจากการปราบปรามการประท้วงต่อต้านรัฐบาลของอัสซาดอย่างรุนแรงเมื่อปี 2011 ในช่วงที่อาหรับสปริง (Arab Spring) กำลังลุกฮือ
ชัยชนะของกลุ่มกบฏที่ได้มาอย่างรวดเร็วนั้นเน้นย้ำถึงความสำเร็จของผู้นำกลุ่มอิสลามนิยมอย่าง อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-โจลานี ในการเสริมกำลังกลุ่มกบฏที่ดูเหมือนจะถูกรุมล้อมจนมุมในฐานที่มั่นสุดท้ายในซีเรียตะวันตกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ยังเผยให้เห็นถึงความอ่อนแอของระบอบการปกครองของอัสซาด และจำเป็นต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากอิหร่านและรัสเซีย

กองทัพที่ไร้ประสิทธิภาพ!
กองทัพของอัสซาดเหลือเพียงแต่ปืนใหญ่ไร้ประสิทธิภาพหลังจากสงคราม 14 ปีซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่าครึ่งล้านคน และทำให้ประชากรซีเรียช่วงก่อนสงครามที่มีกว่า 23 ล้านคนต้องพลัดถิ่นไปกว่าครึ่ง อีกทั้งเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศยังได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ในช่วงปีแรกของสงคราม ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า “การแปรพักตร์ และการหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร ทำให้กองทัพสูญเสียกำลังพลไปประมาณครึ่งหนึ่งจากกำลังพลทั้งหมด 300,000 นาย...เมื่อกบฏบุกออกจากฐานที่มั่นในเขตอิดลิบเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน และพบกับการต่อต้านเพียงเล็กน้อย”
กลุ่มสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรีย ผู้สังเกตการณ์สงครามซึ่งมีฐานอยู่ในอังกฤษรายงานว่า ทหารอพยพออกจากตำแหน่งต่างๆ ทั่วประเทศซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่กลุ่มกบฏกลับเดินหน้าและยึดเมืองต่างๆ
เดวิด ริกูเลต์-โรซ ผู้เชี่ยวชาญด้านซีเรียจากสถาบันฝรั่งเศสว่าด้วยกิจการระหว่างประเทศและยุทธศาสตร์ เผยว่า “ตั้งแต่ปี 2011 กองทัพซีเรียต้องสูญเสียกำลังพล อุปกรณ์ และขวัญกำลังใจ...ทหารที่ได้รับค่าจ้างต่ำขโมยทรัพยากรเพื่อความอยู่รอด และชายหนุ่มจำนวนมากก็หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร”
เมื่อวันพุธ (4 ธ.ค.) อัสซาดสั่งปรับขึ้นเงินเดือนทหารอาชีพ 50% เพื่อเสริมกำลังกองทัพที่กำลังทรุดโทรม แต่ด้วยเศรษฐกิจของซีเรียที่ย่ำแย่ เงินเดือนของทหารจึงแทบไม่มีค่าอะไรเลย และการเคลื่อนไหวดังกล่าวแทบไม่ส่งผลกระทบใดๆ
พันธมิตรที่อ่อนแอ...
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อัสซาดต้องพึ่งพาการสนับสนุนทางการทหาร การเมือง และการทูตจากพันธมิตรสำคัญอย่างรัสเซียและอิหร่านเป็นอย่างมาก ซึ่งหากปราศจากการสนับสนุนเหล่านี้ ระบอบการปกครองของอัสซาดคงล่มสลายไปตั้งแต่เนิ่นๆ ในสงคราม ด้วยความช่วยเหลือดังกล่าว ทำให้รัฐบาลซีเรียสามารถยึดดินแดนที่สูญเสียไปคืนมาได้หลังจากความขัดแย้งปะทุขึ้นในปี 2011 และการแทรกแซงทางอากาศของรัสเซียในปี 2015 ได้เปลี่ยนกระแสของสงครามให้เอื้อต่ออัสซาด
อย่างไรก็ตาม การรุกคืบของฝ่ายกบฏเมื่อเดือนที่แล้วเกิดขึ้นในขณะที่รัสเซียยังพัวพันอยู่กับสงครามในยูเครน และการโจมตีทางอากาศในครั้งนี้ไม่สามารถหยุดยั้งกลุ่มกบฏที่นำโดยกลุ่มอิสลามที่เข้าโจมตีพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
“รัสเซียต้องการช่วยรัฐบาลซีเรียมากกว่านี้ แต่ทรัพยากรทางทหารของพวกเขาในซีเรียลดลงมาก เนื่องมาจากสงครามที่ยังคงดำเนินอยู่ในยูเครน” วาสซิม นาสร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางของเครือข่ายโทรทัศน์ FRANCE 24 กล่าว
นอกจากนี้ อิหร่าน ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของอัสซาด ได้ให้ที่ปรึกษาทางทหารแก่กองกำลังติดอาวุธของซีเรียมาเป็นเวลานานแล้ว และสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลในพื้นที่ แต่อิหร่านและกลุ่มพันธมิตรประสบกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในการสู้รบกับอิสราเอลในปีนี้ ซึ่งทำให้กลุ่มกบฏซีเรียมีโอกาสโจมตีอัสซาด
“กลุ่มกบฏซีเรียมีข้อขัดแย้งกับอิหร่านมายาวนาน และการรุกครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะอิหร่านและพันธมิตรอ่อนแอเกินกว่าที่จะสนับสนุนระบอบการปกครองซีเรียต่อไป” นาสร์ อธิบาย

ฮิซบุลเลาะห์ไม่อยู่ในปฏิบัติการ
กองกำลังตัวแทนของอิหร่านในเลบานอนอย่างฮิซบุลเลาะห์ได้ให้การสนับสนุนดามัสกัสอย่างเปิดเผยตั้งแต่ปี 2013 ด้วยการส่งนักรบหลายพันคนข้ามชายแดนเพื่อเสริมกำลังกองทัพซีเรีย แต่กลุ่มกบฏได้เปิดฉากโจมตีเมื่อปลายเดือนที่แล้วในวันเดียวกับที่ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮิซบุลเลาะห์มีผลบังคับใช้ หลังจากสู้รบในเลบานอนมานานกว่า 1 ปี
นักรบฮิซบุลเลาะห์จำนวนมากเคลื่อนทัพจากซีเรียไปยังเลบานอนตอนใต้เพื่อเผชิญหน้ากับอิสราเอล ทำให้กองกำลังของพวกเขาในประเทศเพื่อนบ้านอ่อนแอลง การสู้รบดังกล่าวทำให้ผู้นำกลุ่มฮิซบุลเลาะห์เสียชีวิต โดยเฉพาะผู้นำกลุ่มอย่าง ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ รวมไปถึงผู้สืบทอดตำแหน่งของเขา และผู้บัญชาการระดับสูงอีกหลายคนเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล
เมื่อวันอาทิตย์ ขณะที่กลุ่มกบฏชาวซีเรียบุกเข้าไปในกรุงดามัสกัสโดยที่ไม่มีการต่อต้าน แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับกลุ่มฮิซบุลเลาะห์กล่าวว่า กลุ่มนี้กำลังถอนกำลังที่เหลือออกจากเขตชานเมืองของเมืองหลวงและเมืองโฮมส์ใกล้ชายแดน
นายกฯ เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวถึงการล่มสลายของระบอบการปกครองซีเรียว่า “เป็นผลโดยตรงจากการโจมตีที่เราได้กระทำต่ออิหร่านและกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของอัสซาด”
ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ อ้างว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรได้ทำให้ผู้สนับสนุนซีเรียอย่างรัสเซีย อิหร่าน และฮิซบุลเลาะห์อ่อนแอลง “เป็นครั้งแรกที่พันธมิตรของอัสซาดไม่สามารถปกป้องอำนาจของเขาได้อีกต่อไป...แนวทางของเราได้เปลี่ยนแปลงดุลอำนาจในตะวันออกกลาง” ไบเดน กล่าว
Photo by OMAR HAJ KADOUR / AFP