‘อยู่ดีๆ ก็หายไลน์ไม่ตอบ’ นี่อาจจะเป็นประโยคคุ้นชินสำหรับเหล่าคนโสดทั้งหลายที่พร่ำบอกเพื่อนที่หายหน้าไปมีแฟน แน่นอนว่าเรื่องนี้มี ‘วิทยาศาสตร์’ มารองรับแล้วว่าคนมีแฟนหรือแต่งงานแล้ว จะมีส่วนร่วมกับเพื่อนหรือญาติพี่น้องน้อยลงจริงๆ
การวิจัยชี้ให้เห็นว่า บุคคลที่แต่งงานแล้วจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับคู่ครอง ขณะที่คนโสดจะมีชีวิตทางสังคมที่สมบูรณ์และหลากหลายมากขึ้น
หลายงานวิจัยสนับสนุนถ้อยความก่อนหน้านี้ แม้หลายๆ คนจะมองว่าเป็นเพียงช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น ทำให้บางคนบอกว่า ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าบุคคลที่แต่งงานแล้วมีแนวโน้มที่จะละเลยเพื่อนฝูง และครอบครัวหรือไม่
อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ระยะยาวเมื่อเร็วๆ นี้ของ National Survey of Families and Households ชี้ให้เห็นถึงเหตุผล โดยผู้เข้าร่วมการสำรวจจำนวน 2,737 คน ถูกขอให้อธิบายถึงคุณภาพของความสัมพันธ์ที่พวกเขามีกับเพื่อนและ ครอบครัวตลอดจนความถี่ในการพบปะกัน
กลุ่มตัวอย่างแรกที่ทำการสุ่ม มีผู้เข้าร่วมที่เป็นโสดและอายุต่ำกว่า 50 ปีทั้งหมด เพื่อตรวจสอบว่ามีความแตกต่างจากผู้ที่เพิ่งจะมีสัมพันธ์ใหม่หรือไม่ และได้ทำการเปรียบเทียบกันระหว่างผู้ที่ยังเป็นโสด และผู้ที่เพิ่งจะมีความสัมพันธ์ครั้งใหม่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และผู้ที่มีความสัมพันธ์เมื่อ 4-6 ปีก่อน
ผลลัพธ์ชี้ชัดว่าผู้ที่ยังโสดใช้เวลากับเพื่อนของตนมากขึ้น นอกจากนี้ คนที่มีสัมพันธ์ จะมีการปลีกตัวจากเพื่อน ครอบครัว คนรุ่นราวคราวเดียวกัน และเพื่อนบ้านโดยไม่คำนึงถึงระยะเวลาของความสัมพันธ์
ด้วยเหตุนี้ ชีวิตของคนโสดจึงค่อนข้างมีความสุขมากกว่า ไม่เพียงเพราะคนที่แต่งงานแล้วอุทิศเวลาให้กับเพื่อนและครอบครัวน้อยลง แต่ยังเป็นเพราะคนโสดใส่ใจกับความสัมพันธ์เหล่านี้มากกว่าด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนโสดมีแนวโน้มที่จะให้พี่น้องของพวกเขามีส่วนร่วมในชีวิตวัยผู้ใหญ่และสร้างความสัมพันธ์ที่ยกระดับความสุขโดยรวมของพวกเขา
ผลที่ตามมาก็คือ คนโสดยังมี ‘คู่หู’ ที่หลากหลายกว่าคู่ที่แต่งงานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขามีแนวโน้มที่จะรวมคนที่ไม่ใช่ญาติไว้ในคนกลุ่มนี้ ด้วยการกระจายจำนวนคนที่พวกเขาสามารถไว้วางใจได้ คนโสดจะมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งกว่าและมีโอกาสน้อยที่จะประสบกับความโดดเดี่ยวมากกว่าคู่ที่แต่งงานแล้ว
การวิจัยชี้ให้เห็นว่า บุคคลที่แต่งงานแล้วจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับคู่ครอง ขณะที่คนโสดจะมีชีวิตทางสังคมที่สมบูรณ์และหลากหลายมากขึ้น
หลายงานวิจัยสนับสนุนถ้อยความก่อนหน้านี้ แม้หลายๆ คนจะมองว่าเป็นเพียงช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น ทำให้บางคนบอกว่า ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าบุคคลที่แต่งงานแล้วมีแนวโน้มที่จะละเลยเพื่อนฝูง และครอบครัวหรือไม่
อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ระยะยาวเมื่อเร็วๆ นี้ของ National Survey of Families and Households ชี้ให้เห็นถึงเหตุผล โดยผู้เข้าร่วมการสำรวจจำนวน 2,737 คน ถูกขอให้อธิบายถึงคุณภาพของความสัมพันธ์ที่พวกเขามีกับเพื่อนและ ครอบครัวตลอดจนความถี่ในการพบปะกัน
กลุ่มตัวอย่างแรกที่ทำการสุ่ม มีผู้เข้าร่วมที่เป็นโสดและอายุต่ำกว่า 50 ปีทั้งหมด เพื่อตรวจสอบว่ามีความแตกต่างจากผู้ที่เพิ่งจะมีสัมพันธ์ใหม่หรือไม่ และได้ทำการเปรียบเทียบกันระหว่างผู้ที่ยังเป็นโสด และผู้ที่เพิ่งจะมีความสัมพันธ์ครั้งใหม่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และผู้ที่มีความสัมพันธ์เมื่อ 4-6 ปีก่อน
ผลลัพธ์ชี้ชัดว่าผู้ที่ยังโสดใช้เวลากับเพื่อนของตนมากขึ้น นอกจากนี้ คนที่มีสัมพันธ์ จะมีการปลีกตัวจากเพื่อน ครอบครัว คนรุ่นราวคราวเดียวกัน และเพื่อนบ้านโดยไม่คำนึงถึงระยะเวลาของความสัมพันธ์
ด้วยเหตุนี้ ชีวิตของคนโสดจึงค่อนข้างมีความสุขมากกว่า ไม่เพียงเพราะคนที่แต่งงานแล้วอุทิศเวลาให้กับเพื่อนและครอบครัวน้อยลง แต่ยังเป็นเพราะคนโสดใส่ใจกับความสัมพันธ์เหล่านี้มากกว่าด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนโสดมีแนวโน้มที่จะให้พี่น้องของพวกเขามีส่วนร่วมในชีวิตวัยผู้ใหญ่และสร้างความสัมพันธ์ที่ยกระดับความสุขโดยรวมของพวกเขา
ผลที่ตามมาก็คือ คนโสดยังมี ‘คู่หู’ ที่หลากหลายกว่าคู่ที่แต่งงานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขามีแนวโน้มที่จะรวมคนที่ไม่ใช่ญาติไว้ในคนกลุ่มนี้ ด้วยการกระจายจำนวนคนที่พวกเขาสามารถไว้วางใจได้ คนโสดจะมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งกว่าและมีโอกาสน้อยที่จะประสบกับความโดดเดี่ยวมากกว่าคู่ที่แต่งงานแล้ว