ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ชาวอเมริกันต่างพากันอพยพออกจากสหรัฐฯ ไปใช้ชีวิตในต่างแดนมากขึ้นโดยเฉพาะจุดหมายปลายทางในยุโรป แถมผลสำรวจยังบอกอีกว่า คนอเมริกันจำนวนมากขึ้นอยากย้ายไปต่างประเทศนับตั้งแต่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 และแน่นอนว่าการกลับมาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เองก็มีส่วนที่ทำให้พวกเขาต้องการหนีความบ้าคลั่งทางการเมืองภายในประเทศ
สำหรับจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ของชาวอเมริกันก็คือ ‘โปรตุเกส’ ตามมาด้วยสเปน, สหราชอาณาจักร, แคนาดา และอิตาลี ทั้งนี้พบว่า ตั้งแต่ปี 2017 มีชาวอเมริกันย้ายไปอยู่อาศัยในโปรตุเกสเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนในปัจจุบัน สัดส่วนของชาวอเมริกันนั้นสูงกว่าปี 2017 ถึง 7 เท่า แต่ทำไมต้องโปรตุเกสล่ะ...
เหตุใดคนอเมริกันถึงอยากย้ายประเทศ?

คนอเมริกันที่ต้องการย้ายออกจากสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า พวกเขาอยากหาประสบการณ์ใหม่ หาความมั่นคงในชีวิต และต้องการเติบโต
- 56% มองว่าสหรัฐฯ มีแนวคิดอนุรักษนิยมเกินไป
- 53% รู้สึกว่าประเทศแบ่งแยกอย่างรุนแรง โดยครึ่งหนึ่งของคนที่อยากย้ายประเทศต้องการเสรีภาพที่มากขึ้น และต้องการหลีกเลี่ยงภัยคุกคามจากความรุนแรงด้วยอาวุธปืน
- 41% ต้องการประหยัดเงินขณะใช้ชีวิตต่างแดน
ทั้งนี้พบว่า 2 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามจาก Expatsi (แบบทดสอบพลเมืองสหรัฐฯ ที่ต้องการย้ายประเทศ) ระบุว่า “ต้องการย้ายออกจากสหรัฐฯ ภายในปี 2026”
- 12% ตั้งเป้าจะย้ายภายใน 6 เดือนข้างหน้า
- 30% หวังที่จะเกษียณอายุในต่างประเทศ
- 18% ต้องการขอวีซ่านักเดินทางดิจิทัล
- 17% วางแผนย้ายถิ่นฐานด้วยวีซ่าทำงานสำหรับแรงงานมีทักษะ
นอกจากนี้ จำนวนชาวอเมริกันที่สนใจย้ายไปต่างประเทศยังเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024 จากการวิเคราะห์ข้อมูลการค้นหาบน Google พบว่าคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับ “วิธีการย้ายไปประเทศ X” พุ่งสูงขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2024 และเว็บไซต์ Expatsi มีผู้เข้าชมเกือบ 51,000 คนในเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้นจากประมาณ 8,000 คนในเดือนตุลาคม ซึ่งตรงกับช่วงเวลาหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับเลือกตั้งใหม่
“เราต้องการสถานที่ที่จะหนีจากความบ้าคลั่งของสหรัฐฯ และโปรตุเกสก็เป็นประเทศที่แตกต่างจากสหรัฐฯ ที่มีแต่ความไร้สาระทางการเมือง ที่นี่ทั้งค่าครองชีพต่ำ บริการสุขภาพก็ยอดเยี่ยม ผู้คนเป็นมิตร และหลายคนรู้ภาษาอังกฤษ และหากพวกเขาฟังไม่รู้เรื่อง พวกเขาก็จะพยายามทำความเข้าใจเรา” ลิซ่า เฮย์ส วัย 69 ปีกล่าว ผู้ซึ่งย้ายออกจากเมืองเพรสคอตต์ รัฐแอริโซนามาอาศัยอยู่ใจกลางเมืองโทมาร์เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว
“เราคิดที่จะออกจากสหรัฐฯ มานานแล้ว และเราก็ได้ประเมินสถานการณ์กันดีแล้ว เราไม่ได้ตัดสินใจออกจากสหรัฐฯ เพราะรัฐบาล แต่กลายเป็นว่ามันเป็นการตัดสินใจที่เป็นผลดีต่อเรา” ฟิลลิส บรู๊คส์ หญิงวัย 49 ปี ซึ่งเกษียณอายุก่อนกำหนดพร้อมกับสามีวัย 51 ปี กล่าว พวกเขาตัดสินใจย้ายมาอยู่เมืองเซตูบัล ในโปรตุเกสมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2024
“ผมค้นพบว่าโปรตุเกสเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเกษียณอายุที่สุดในโลก” ชายหม้ายวัย 62 ปีกล่าว เขาย้ายออกจากเมืองไมอามี่มาอยู่ในกรุงลิสบอนตั้งแต่ปี 2022 ด้วยเหตุผลในการดูแลสุขภาพ
แล้วทำไมต้อง ‘โปรตุเกส’...

เมื่อไม่กี่ปีมานี้ โปรตุเกสกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยว และการย้ายถิ่นฐานของชาวอเมริกัน สำนักข่าว Reuters รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากสถาบันสถิติแห่งชาติพบว่า มีชาวอเมริกันมากกว่า 140,000 คนเดินทางไปโปรตุเกสในเดือนพฤศจิกายน 2023 ซึ่งถือเป็นสถิติรายเดือนสูงสุด
สำหรับสาเหตุที่ย้ายไปโปรตุเกสนั้นก็มีปัจจัยมากมายที่ทำให้พวกเขาเลือกไปที่นั่น แล้วอะไรกันที่ทำให้อัญมณีแห่งเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้มีเสน่ห์ดึงดูดใจ...
-เป็นที่เลื่องลือในฐานะดินแดนที่มีเสถียรภาพทางการเมือง-
โปรตุเกสมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในเรื่องประชาธิปไตยและความมั่นคงทางการเมือง ด้วยการเลือกตั้งที่เสรี รวมถึงการมีหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง ซึ่งแตกต่างจากการเมืองในสหรัฐฯ ที่นับวันมีแต่ความขัดแย้งและความแตกแยกที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โปรตุเกสจึงถูกมองว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับชาวอเมริกันที่แสวงหาความมั่นคง
ในฐานะสมาชิกสหภาพยุโรป โปรตุเกสยังมอบความมั่นใจในเรื่องสิทธิพลเมือง เสรีภาพในการเดินทาง และการเข้าถึงบริการสังคม อีกทั้งกฎหมายสิทธิมนุษยชนที่เข้มงวดและสถาบันทางการเมืองที่มั่นคงของสหภาพยุโรปถือเป็นเกราะคุ้มกันที่น่าดึงดูดใจสำหรับผู้ที่รู้สึกผิดหวังกับบรรยากาศทางการเมืองในสหรัฐฯ
โปรตุเกสยังเป็นที่รู้จักในด้านนโยบายก้าวหน้าเกี่ยวกับประเด็นสังคม เช่น สิทธิของกลุ่ม LGBTQ+ ความเท่าเทียมทางเพศ และการปกป้องสิ่งแวดล้อม ซึ่งดึงดูดชาวอเมริกันที่ต้องการอยู่ในสังคมที่เปิดกว้างและครอบคลุม
ถึงกระนั้นในปี 2025 โปรตุเกสก็กำลังเผชิญกับความท้าทายทางการเมือง เนื่องจากผลการเลือกตั้งล่าสุดทำให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อยและความไม่แน่นอนทางการเมือง มีการเลื่อนเลือกตั้งบ่อยครั้งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับพรรคฝ่ายขวาจัดอย่างเชกา (Chega) เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การบริหารประเทศมีความซับซ้อนและอาจเกิดภาวะอัมพาตทางการเมือง
-ค่าครองชีพที่ถูกกว่าสหรัฐฯ อย่างเห็นได้ชัด-

เมื่อเปรียบเทียบค่าครองชีพกับเมืองใหญ่ในสหรัฐฯ เช่น นิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส หรือซานฟรานซิสโก จะพบว่าโปรตุเกสนั้นถูกกว่ามากในหลายด้านคิดเป็น 34–45% ขึ้นอยู่กับประเภทค่าใช้จ่ายตั้งแต่ที่อยู่อาศัย ไปจนถึงของใช้ในชีวิตประจำวัน และการรับประทานอาหารนอกบ้าน
ค่าเช่าและราคาซื้อบ้านในโปรตุเกสต่ำกว่าสหรัฐฯ มาก โดยเฉพาะในเมืองหลวงอย่างกรุงลิสบอน เมืองปอร์โต และภูมิภาคอัลการ์วึ ตัวอย่างเช่น ค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ขนาด 1 ห้องนอนใจกลางลิสบอนอยู่ที่ประมาณ 1,200–1,500 ยูโร (ราว 4.4 -5.5 หมื่นบาท) ขณะที่ในนิวยอร์ก หรือในซานฟรานซิสโก ค่าเช่าอาจสูงถึง 2,800–3,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.1 หมื่น-1.1 แสนบาท) หรือมากกว่า ซึ่งสูงกว่าประมาณครึ่งหนึ่ง
ส่วนการรับประทานอาหารนอกบ้านและการนั่งคาเฟ่ในโปรตุเกสก็มีราคาถูกกว่ามาก ตัวอย่างเช่น การทานข้าวในร้านอาหารจะประหยัดไปได้เฉลี่ยประมาณ 10 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 325 บาท) ในโปรตุเกส เทียบกับสหรัฐฯที่ 20 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 650 บาท)
นอกจากนี้ โปรตุเกสยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในยุโรป โดยมีอัตราอาชญากรรมต่ำและมาตรฐานการครองชีพสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดครอบครัว ผู้สูงอายุวัยเกษียณ และคนรุ่นใหม่จากสหรัฐฯ ได้ดีทีเดียว
-อยู่ที่นี่สร้างสมดุลชีวิตระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวได้ไม่ยาก-

โปรตุเกสได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีคุณภาพชีวิตสูงอย่างต่อเนื่อง ด้วยภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่อบอุ่น ทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม และการใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบ ทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากมองว่าโปรตุเกสเป็นสถานที่เหมาะสมสำหรับการสร้างสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว
โปรตุเกสมีภูมิอากาศอบอุ่นโดยเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่งทะเล แม้ในฤดูร้อนจะมีแดดจัด แต่ในฤดูหนาวจะไม่หนาวจัด ทำให้เป็นจุดหมายที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากฤดูหนาวที่เย็นจัดในสหรัฐฯ แถมที่นี่ยังมีธรรมชาติที่สวยงามเหมาะแก่การทำกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลาย เช่น การเดินป่า และการพักผ่อนตามชายหาดริมมหาสมุทรแอตแลนติก
จากการจัดอันดับคุณภาพชีวิตปี 2025 โดย Numbeo พบว่า โปรตุเกสอยู่ในอันดับที่ 27 ของโลก โดยมีคะแนนคุณภาพชีวิตสูงและดัชนีความปลอดภัย อีกทั้งดัชนี ‘Global Retirement Index’ ยังจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ 2 ในโลกสำหรับการเกษียณอายุในปี 2025 ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพชีวิต ความคุ้มค่าของค่าครองชีพ และระบบสาธารณสุขที่ดีเยี่ยม
-ระบบสารธารณสุขที่ดีเยี่ยม-
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้ชาวอเมริกันย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่นี่ก็คือ ‘ระบบสาธารณสุขที่มีคุณภาพสูง’ และ ‘ราคาประหยัด’ เนื่องจากระบบสาธารณสุขของรัฐได้รับเงินทุนจากภาษีและให้บริการทางการแพทย์ที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ แม้ผู้ที่อาศัยอยู่ในต่างแดนก็สามารถเข้าถึงระบบของรัฐได้
ส่วนประกันสุขภาพของเอกชนในโปรตุเกสก็มีราคาถูกกว่าสหรัฐฯ มาก ชาวอเมริกันหลายคนที่ย้ายมาอยู่ที่นี่มักเลือกใช้ประกันสุขภาพเอกชนเพื่อให้ได้รับบริการทางการแพทย์ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น
-โปรแกรมวีซ่าทองคำของโปรตุเกส-

โปรแกรมวีซ่าทองคำของโปรตุเกส (Golden Visa) เป็นหนึ่งในแรงจูงใจหลักที่ทำให้ชาวอเมริกันสนใจย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศนี้ โปรแกรมนี้จะอนุญาตให้ชาวต่างชาติได้รับสิทธิ์พำนักถาวรผ่านการลงทุน ซึ่งมอบประโยชน์หลายประการ
- สิทธิ์พำนักและสัญชาติ : การลงทุนในโปรตุเกสจะช่วยให้ผู้ลงทุนได้รับใบอนุญาตพำนัก (residency permit) และมีโอกาสได้รับสัญชาติโปรตุเกสหลังจากผ่านไป 5 ปี ซึ่งจะเปิดโอกาสให้สามารถอาศัย ทำงาน และเดินทางในเขตเชงเก้นของสหภาพยุโรปได้อย่างเสรี
- ข้อกำหนดการลงทุน : ในปี 2025 การลงทุนขั้นต่ำสำหรับโปรแกรม Golden Visa อยู่ที่ประมาณ 250,000-500,000 ยูโร (ราว 9.2-18 ล้านบาท) ขึ้นกับประเภทของการลงทุน
- ระยะเวลาการพำนักขั้นต่ำ : ผู้ถือ Golden Visa ต้องพำนักในโปรตุเกสอย่างน้อย 7 วันในปีแรก และ 14 วันในทุกสองปีถัดไปเพื่อรักษาสิทธิ์พำนัก
- ระยะเวลาการลงทุน : ผู้ลงทุนต้องรักษาการลงทุนไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี หากได้รับสัญชาติโปรตุเกสแล้ว สามารถขายหรือเลิกลงทุนได้
- ข้อกำหนดอื่นๆ : ผู้สมัครต้องมีอายุอย่างน้อย 18 ปี ไม่มีประวัติอาชญากรรม และสามารถพิสูจน์แหล่งที่มาของเงินลงทุนได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังสามารถรวมสมาชิกในครอบครัว เช่น คู่สมรส ลูกที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และผู้ที่พึ่งพิงทางการเงินเข้าร่วมในใบสมัครได้
โปรแกรม Golden Visa จึงเป็นเส้นทางที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสำหรับชาวอเมริกันที่ต้องการสิทธิ์พำนักในยุโรป พร้อมโอกาสในการขอสัญชาติโปรตุเกสในอนาคตโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ในโปรตุเกสเต็มเวลา อีกทั้งยังมีทางเลือกการลงทุนที่หลากหลายเหมาะกับความต้องการของนักลงทุนแต่ละรายด้วย
-มรดกทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย-

ดินแดนแห่งนี้มีทั้งมรดกทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย สถานที่ประวัติศาสตร์ที่งดงาม และฉากศิลปะที่มีชีวิตชีวา ผสมผสานเสน่ห์แบบโลกเก่าเข้ากับชีวิตสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว
สถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียง ได้แก่ :
- หอคอยเบเล็ม (Belem Tower),
- อารามเจโรนิโมส (Jerónimos Monastery)
- พระราชวังปาลาซิโอ ดา เพนา (Palácio da Pena) เป็นต้น
อย่างไรก็ดี แม้ว่าผู้คนที่นี่จะใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาทางการ แต่ชาวอเมริกันหลายคนมองว่าการเรียนรู้ภาษาเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การใช้ชีวิต แถมยังมีแหล่งข้อมูลมากมายที่ช่วยให้ผู้ย้ายถิ่นสามารถปรับตัวและผสมผสานเข้ากับสังคมโปรตุเกสได้อย่างราบรื่น