ระบบไอทีล่มครั้งใหญ่ทั่วโลก อาทิ ออสเตรเลีย อังกฤษ ไอร์แลนด์ สหรัฐฯ รวมทั้งไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ไมโครซอฟต์ที่ไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชัน Microsoft365 และบริการออนไลน์ต่างๆ ส่งผลกระทบต่อทั้งสายการบิน ธนาคาร โทรคมนาคม สื่อ
ดูเหมือนว่าปัญหานี้จะเกิดจากบริษัท CrowdStrike ที่ให้บริการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในสหรัฐฯ และซอฟต์แวร์ของบริษัทที่ชื่อว่า Falcon Sensor
การล่มครั้งนี้ทำให้หน้าจอแล็ปท็อปและเครื่องพีซีไมโครซอฟต์ขึ้นเป็นสีฟ้า ทำให้เจ้าของเครื่องเข้าระบบไม่ได้เลย และที่กระทบไมโครซอฟต์หนักเพราะไมโครซอฟต์ใช้ซอฟต์แวร์ Falcon Sensor ของ CrowdStrike
โฆษกกระทรวงมหาดไทยของออสเตรเลียซึ่งดูเหมือนจะได้รับผลกระทบหนักที่สุดเผยว่า ดูเหมือนว่าการล่มครั้งนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาจากบริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ส่วนหน่วยงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของออสเตรเลียระบุว่า ไม่มีข้อมูลที่จะระบุว่ามีการโจมตีทางไซเบอร์
"ข้อมูลล่าสุดของเราคือ การล่มครั้งนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาทางเทคนิคของบริษัทซอฟต์แวร์ที่บริษัทที่ได้รับผลกระทบใช้งานอยู่" แถลงการณ์ของทางการออสเตรเลียระบุ
ด้าน Crowdstrike โพสต์ว่า ทราบเบื้องหลังการหยุดทำงานของวินโดวส์ทั่วโลกครั้งใหญ่ในขณะนี้แล้ว โดยเป็นปัญหาเกี่ยวกับ “การอัปเดตเนื้อหา” และกำลังหยุดการอัปเดตที่ว่าแล้ว
อย่างไรก็ดี การแก้ไขของ Crowdstrike อาจไม่ได้ช่วยให้คอมพิวเตอร์ที่มีปัญหากลับมาใช้งานได้ในทันที
Crowdstrike แนะนำวิธีแก้ปัญหาเครื่องขัดข้องเบื้องต้นว่า ให้บูตวินโดวส์ให้อยู่ใน Safe Mode หรือ Windows Recovery Environment จากนั้นไปที่ C:\Windows\System32\drivers\CrowdStrike หาไฟล์ที่ชื่อว่า "C-00000291*sys" แล้วคลิกขวาเปลี่ยนชื่อเป็น C-00000291*.renamed แล้วบูตเครื่องตามปกติ
ทุกวันนี้ปัญหาระบบล่มถือเป็นเรื่องค่อนข้างปกติ อย่างที่บริษัทโทรคมนาคม ธนาคาร หรือซูเปอร์มาร์เก็ตมักจะประสบเหตุขัดข้องทางเทคนิคประมาณ 2-3 ชั่วโมง แต่การล่มลักษณะนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นครั้งใหญ่เหมือนครั้งนี้ นั่นแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจในยุคใหม่นี้ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีอย่างมาก