เมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ บิตคอยน์ (Bitcoin) ทำสถิติใหม่ทะลุ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก หลังจากขยับขึ้นมาตั้งแต่ช่วงวันเลือกตั้งประธานาธิบดี (5 พ.ย.) และทะยานขึ้นทันทีในคืนวันอังคารหลังผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการออกมาว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะและยังขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่นั้น
สำนักข่าว CNN รายงานว่า บิตคอยน์ปรับตัวขึ้นแล้วกว่า 80% ในปีนี้
อุตสาหกรรมคริปโทฯ เคอร์เรนซีมองว่าชัยชนะของทรัมป์เป็นสัญญาณตลาดกระทิงของคริปโทฯ และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ แม้ว่าก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยโจมตีบิตคอยน์ โดยบอกว่ามูลค่าของเงินดิจิทัลเหล่านี้ “มีพื้นฐานมาจากอากาศ” แต่ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ทรัมป์เปลี่ยนท่าทีมาหนุนบิตคอยน์ ผิดกับท่ทีของรัฐบาล โจ ไบเดน ที่หาทางออกกฎควบคุมคริปโทฯ
ไม่เพียงแต่หนุนเท่านั้น ทรัมป์และครอบครัวยังลงทุนทำธุรกิจคริปโทฯ ด้วยการเปิดบริษัท World Liberty Financial ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดให้กู้ยืม ให้กู้ยืม และได้ดอกเบี้ยจากคริปโทฯ ทรัมป์ประกาศโครงการนี้เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนถัดมาไม่กี่สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง
ขณะที่รัฐบาลไบเดนยังกังขาในคริปโทฯ แกรี เกนสเลอร์ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เคยพูดไว้เมื่อปี 2021 ว่า คริปโทฯ “เต็มไปด้วยการฉ้อโกง หลอกลวง และการใช้ในทางที่ผิด”
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ในสมัยของเกนสเลอร์เคยฟ้องบริษัทโคริปโทฯ และออกกฎควบคุม SEC ยังร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลอื่น รวมทั้งกระทรวงยุติธรรม ดำเนินคดีกับคนที่ฉ้อโกงคริปโท ซึ่งคดีที่โด่งดังเป็นข่าวไปทั่วโลกคือการจับกุม แซม แบงก์แมน-ไฟรด์ ซีอีโอของ FTX แต่ในที่สุดเกนสเลอร์ก็อนุมัติให้นักลงทุนซื้อขายกองทุนบิตคอยน์
ทรัมป์พูดไว้เมื่อเดือน ส.ค.ว่า คริปโทอาจ “เป็นตัวกำหนดอนาคต” และเขาต้องการให้คริปโท “ขุดและผลิตในสหรัฐฯ” ท่าทีต่างๆ ของทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนคลายกฎข้อบังคับ การลดภาษี และการเปลี่ยนท่าทีจากระบบการเงินที่มีตัวกลางอย่างธนาคารกลาง ทำให้บรรดาแฟนๆ คริปโทฯ มองเห็นอนาคตที่สดใส หลายคนยังเชื่อว่าที่ราคาคริปโทฯ ทะยานขึ้นในช่วงนี้เป็นเพราะการสนับสนุนคริปโทฯ ของทรัมป์

นโยบายคริปโทฯ ของทรัมป์
ระหว่างการประชุมบิตคอยน์ 2024 ที่เมืองแนชวิลล์ ทรัมป์พูดถึงนโยบายเกี่ยวกับคริปโตฯ ไว้ส่วนหนึ่งดังนี้
- สร้างคลังเก็บคริปโทฯ ของรัฐบาล ทรัมป์บอกว่ารัฐบาลของเขาจะ “เก็บบิตคอยน์ ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ถืออยู่ในปัจจุบันหรือได้มาในอนาคตทั้งหมด 100%” และบอกว่า เงินดิจิทัลจะทำหน้าที่เป็น “แกนหลักของคลังบิตคอยน์แห่งชาติ” คาดกันว่า ณ เดือน ต.ค. 2023 รัฐบาลสหรัฐฯ ถือบิตคอยน์มูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่ยึดมาจากคดีอาญา อย่างไรก็ดี ยังไม่ชัดเจนว่าคลังเก็บบิตคอยน์ที่ว่านี้จะถูกนำไปใช้อย่างไร เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และอุสหกรรมคริปโทฯ ในวงกว้างจะยอมรับมากน้อยแค่ไหน
- ตั้งคณะที่ปรึกษาด้านคริปโทฯ ทรัมป์ประกาศว่าจะตั้ง “ที่ปรึกษาประธานาธิบดีด้านบิตคอยน์และคริปโทฯ”ซึ่งจะมีกฎ “ที่เขียนโดยบุคคลที่รักอุตสาหกรรมของคุณ”
- สกัดไม่ให้ธนาคารกลางสร้างเงินดิจิทัลของตัวเอง ธนาคารกลางหลายประเทศให้ความสนใจสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางเอง หรือ CBDC รวมทั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ และทรัมป์เองก็พูดต่อต้านแนวคิดนี้หลายครั้งในปีนี้ นอกจากนี้เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายห้ามไม่ให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ สร้าง CBDC
รัฐบาลทรัมป์กับคริปโทฯ
ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโทฯ หลายคนมองว่าการมาของทรัมป์จะเป็นผลดีต่อคริปโทฯ อดัม บลัมเบิร์ก ผู้ร่วมก่อตั้ง Interaxis ที่ให้บริการการอบรมด้านคริปโทฯ และบล็อกเชนแก่ที่ปรึกษาด้านการเงินมองว่า รัฐบาลทรัมป์จะทำให้กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ยังไม่ชัดเจนกระจ่างชัดขึ้นมา
“ผมคิดว่าเราจะได้เห็นการกฎหมาย stablecoin ซึ่งจะทำให้มีคนทำธุรกรรมผ่านบล็อกเชนมากขึ้น”
บลัมเบิร์กเผย
อย่างไรก็ดี การเข้ามาลงทุนในธุรกิจคริปโทฯ ของทรัมป์ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับจรรยาบรรณเพราะเขากำลังจะเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ การขัดกันของผลประโยชน์ รวมทั้งอิทธิพลของทรัมป์ต่อการออกกฎเกณฑ์ควบคุมคริปโทฯ และความเป็นไปได้ในการปั่นตลาด อาจกระทบกับคริปโทฯ โดยตรง
“ตอนนี้ไม่มีใครในพรรครีพับลิกันอยากคัดค้านทรัมป์ ดังนั้นพวกเขาจะเสนอและลงคะแนนให้กับกฎเกณฑ์ที่ทรัมป์ต้องการ” บลัมเบอร์กกล่าว
Photo by AFP / Ozan KOSE