บ่อยครั้งที่ประเทศไทยมักมีปัญหากับเลนขับขี่บนท้องถนน บางพื้นที่แม้มีเลนเอื้อให้เป็นทางจักรยานโดยเฉพาะก็ไม่วายถูกมอเตอร์ไซค์ขับเกินเลน หรือขับในเลนก็มี จนทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง! แถมถนนในบางพื้นที่ก็ไม่เอื้อสำหรับทางจักรยานเสียเท่าไหร่ มองมาทีไรก็จะมีแต่รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และรถโดยสารเต็มท้องถนนไปเสียหมด
แต่ไม่ใช่สำหรับที่ ‘เนเธอร์แลนด์’ หรอก “ที่นี่ถนนของจักรยาน ส่วนรถยนต์น่ะหรอเป็นแค่ ‘แขกรับเชิญ’ ” ดินแดนแห่งนี้มีชื่อเสียงเรียงนามมานานว่าเป็น ‘ประเทศแห่งจักรยานโลก’ เพราะมีจักรยานมากกว่าคนทั้งชาติเสียอีก (23 ล้านคัน แต่ชาวดัตช์มี 17 ล้านกว่าคน) อีกทั้งชาวดัตช์ยังชอบปั่นจักยานมาก ถึงขนาดที่รัฐบาลลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับจักรยานในระยะยาวเพื่อความปลอดภัยและความยั่งยืนอีกด้วย
ในปี 2018 พบว่า การเดินทางมากกว่า 1 ใน 4 ของการเดินทางทั้งหมดเป็นรถจักรยาน ซึ่งแตกต่างกับสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และไอร์แลนด์อย่างสิ้นเชิงที่ตัวเลขลดลงเหลือไม่ถึง 5% ของการเดินทางทั้งหมด
วัฒนธรรมการปั่นจักรยานมีมานาน 100 กว่าปีแล้ว
ยุคทองการปั่นจักรยานของชาวดัตช์ครั้งแรกเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษปี 1920-1930 เนื่องจากชาวดัตช์พบว่าการเดินทางด้วยจักรยานนั้นรวดเร็วและราคาไม่แพง ในปี 1937 พบว่า เนเธอร์แลนด์มีจักรยานมากถึง 3.5 ล้านคันเมื่อเทียบกับรถยนต์เพียง 91,000 คัน!
อย่างไรก็ตาม การยึดครองของนาซีเยอรมันซึ่งเริ่มขึ้นในปี 1940 ทำให้ทุกคนมีจักรยานได้ยากขึ้นมาก เนื่องจากผู้รุกรานขโมยจักรยานของชาวดัตช์พร้อมกับนำหายนะทางสงครามมาด้วย ซึ่งทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง
หลังจากเนเธอร์แลนด์ฟื้นตัวจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แทนที่ประเทศจะสร้างสิ่งที่สูญเสียไปในช่วงที่ถูกนาซียึดครองไปขึ้นมาใหม่ แต่ผู้คนในเมืองต่างๆ ในยุโรปอย่างเนเธอร์แลนด์ และร็อตเตอร์ดัม กลับใช้ประโยชน์จากราคารถยนต์ที่ลดลง และซื้อมาใช้มากมาย
เมื่อมีรถยนต์มากขึ้นก็ทำให้การจราจรติดขัดมากขึ้น จนเกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากโดยเฉพาะเด็กๆ การเสียชีวิตเหล่านี้ทำให้เกิดการประท้วงต่อต้านการฆาตกรรมเด็กที่เรียกว่า ‘Stop de Kindermoord’ ในช่วงทศวรรษ 1970 ประกอบกับวิกฤตราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจึงทำให้รัฐบาลพิจารณาสร้างเส้นทางจักรยานแทน และละทิ้งการวางแผนเมืองที่เน้นรถยนต์เป็นหลัก
เมื่อรัฐบาลเนเธอร์แลนด์หันกลับมาให้ความสำคัญกับจักรยานอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายคือ การสร้างอนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนมากขึ้น ทั้งนี้พบว่า อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของเนเธอร์แลนด์ในปี 1970 อยู่ที่ 245 รายต่อประชากร 1 ล้านคน ซึ่งเกือบจะสูงเท่ากับในสหรัฐฯ แต่ในปี 2019 กลับพบว่า อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนลดลงเหลือ 34 รายต่อประชากร 1 ล้านคนซึ่งต่ำกว่าในสหรัฐฯ ถึง 70%
นอกเหนือจากความปลอดภัยแล้ว รัฐบาลยังวางรากฐานการปั่นจักรยานของชาวดัตช์สำหรับการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมด้วย ยิ่งถ้าหากประเทศอื่นๆ ปั่นจักรยานเหมือนเนเธอร์แลนด์ก็จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนทั่วโลกได้ถึง 686 ล้านตันต่อปี ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วคนทั่วไปปั่นจักรยานเพียง 2.6 กิโลเมตรต่อวันเท่านั้น
เมื่อถนนที่นี่ไม่ได้เป็นของ ‘รถยนต์’ แต่มีไว้สำหรับ ‘จักรยาน’ เป็นหลัก

รัฐบาลเนเธอร์แลนด์สร้างเลนจักรยานยาวหลายไมล์เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนหันมาใช้จักรยาน ในปัจจุบันพบว่าประเทศแห่งนี้มีทางจักรยานมากกว่า 35,000 กม. ขณะที่เครือข่ายถนนของประเทศมีความยาวเพียง 140,000 กม. เท่านั้น
แต่เนเธอร์แลนด์ก็ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น ประเทศนี้ยังมีถนนหลายสายที่ทั้งรถยนต์และจักรยานใช้ โดยที่จักรยานมีสิทธิ์ใช้งานก่อน (พูดง่ายๆ คือ รถยนต์ต้องหยุดให้จักรยานเสมอ)
บนถนนหลายสายนี้ จะมีป้ายระบุว่า ‘fietsstraat auto te gast’ ซึ่งหมายถึง ‘รถยนต์เป็นแค่แขก’ ขณะเดียวกัน วงเวียนในเนเธอร์แลนด์ก็เอื้อให้กับจักรยานและคนเดินเท้ามากขึ้น ประมาณ 60% ในเมืองต่างๆ ของเนเธอร์แลนด์จะมีทางจักรยานแบบวงกลมรอบๆ วงเวียน
ในเขตเมืองส่วนใหญ่ จักรยานจะได้รับสิทธิ์ให้ไปก่อนเสมอ ส่วนรถยนต์จะต้องหยุด นอกจากนี้ ทางแยกหลายแห่งยังได้รับการออกแบบใหม่เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่ผู้ปั่นจักรยานอาจเผชิญ
นโยบายรัฐบาลส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อจักรยาน

- เลนจักรยานโดยเฉพาะ
เลนถนนในเนเธอร์แลนด์ส่วนใหญ่มักจะมีเลนจักรยานขนานกับถนนด้วย ซึ่งถือเป็นข้อบังคับ แม้ว่าจะมีเลนจักรยานบนถนนอยู่บ้าง แต่เลนเหล่านี้จำกัดความเร็วต่ำและพื้นถนนจะปูด้วยยางมะตอยสีแดง
- ทางแยกที่เป็นมิตรต่อจักรยาน
ตามทางแยกบริเวณเมืองต่างๆ ในเนเธอร์แลนด์จะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักปั่นจักรยาน ด้วยการติดป้ายจราจรชัดเจน ไฟจราจรอัจฉริยะ และสัญญาณไฟจราจร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่นักปั่นจักรยานสามารถสัญจรบนทางแยกได้อย่างปลอดภัย แถมช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ขับขี่จักรยาน และยานยนต์
- ที่จอดจักรยานมีมากมายและจัดสรรอย่างดี
พื้นที่จอดจักรยานในเนเธอร์แลนด์นั้นมีมากมาย ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ และย่านการค้า ได้รับการจัดสรรอย่างเป็นระเบียบเพื่อรองรับความต้องการสูงสำหรับพื้นที่จอดจักรยานที่เหมาะสมและสะดวกสบาย โดยจะให้บริการฟรีภายใน 24 ชั่วโมงแรก มีทั้งบัตรผ่านแบบใช้ครั้งเดียว และแบบชำระเงินสำหรับการใช้งานระยะยาว
- สามารถนำจักรยานขึ้นระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ ได้
ผู้ขับขี่จักรยานในเนเธอร์แลนด์สามารถนำจักรยาน (แบบพับได้) ขึ้นรถไฟ รถประจำทาง และรถรางได้ เพื่อช่วยให้ผู้เดินทางสะดวก และไปถึงจุดหมายได้เร็วยิ่งขึ้น
แนวคิดต้นแบบ ‘ประเทศแห่งจักรยานโลก’

การศึกษาวิจัยในสหราชอาณาจักรปี 2016 เกี่ยวกับคุณค่าของการปั่นจักรยานพบว่า การปั่นจักรยานไม่เพียงแต่มีประโยชน์ต่อนักปั่นจักรยานเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มผลผลิต ส่งผลดีต่อสังคม และลดค่าใช้จ่ายของรัฐที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอีกด้วย
เมื่อช่วงปลายปี 2022 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานและการจัดการน้ำของเนเธอร์แลนด์ได้เขียนจดหมายถึงรัฐสภาโดยกำหนดเป้าหมายที่จะให้ผู้คนเดินทางด้วยจักรยานเพิ่มขึ้นอีก 100,000 คนภายในอีก 2 ปีครึ่ง โดยทางหน่วยงานกำลังพิจารณาแผนงานว่าจะจัดหาจักรยานให้กับเด็กและเยาวชนกว่า 200,000 คนที่ไม่สามารถซื้อจักรยานได้อย่างไร
ประเทศอื่นๆ ก็เลียนแบบแนวคิดของเนเธอร์แลนด์
ในปี 2011 พบว่า จำนวนการเดินทางด้วยจักรยานในเมืองเซบียา ประเทศสเปน เพิ่มขึ้นจากต่ำกว่า 7,000 ครั้งในปี 2006 มาเป็นมากกว่า 70,000 ครั้ง เมืองนี้เลียนแบบเทคนิคของชาวดัตช์โดยเปลี่ยนที่จอดรถหลายแห่งให้กลายเป็นเลนจักรยานที่ยกสูง
แต่หากรัฐบาลมีเจตจำนงทางการเมืองเพียงพอ ไม่ว่าประเทศไหนก็สามารถกลายเป็น ‘ประเทศแห่งจักรยานโลก’ แห่งต่อไปได้เหมือนกับที่เนเธอร์แลนด์เป็น