จับตาสีจิ้นผิงเยือนรัสเซีย เพื่อสันติภาพหรือเพื่อผลประโยชน์

20 มีนาคม 2566 - 10:40

xi-jinping-putin-meeting-SPACEBAR-Thumbnail
  • ก่อนหน้านี้จีนทำหน้าที่เป็นกาวใจในการเจรจาฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่าน

  • การเดินทางเยือนรัสเซียของสีจิ้นผิงเกิดขึ้นหลังศาลอาญาระหว่างประเทศออกหมายจับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย

ทั่วโลกกำลังจับตาดูแผนการเดินทางเยือนรัสเซียของประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีนที่กำลังจะเกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความพยายามก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในเวทีโลกมากขึ้น  แต่อีกทางหนึ่งก็อาจเป็นการเคลื่อนไหวที่อันตรายทางการทูต เพราะหลังจากจีนประกาศเยือนรัสเซียไม่กี่ชั่วโมงหลังศาลอาญาระหว่างประเทศก็ออกหมายจับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียในข้อหาอาชญากรรมสงคราม 

ความเคลื่อนไหวของจีนเกิดขึ้นหลังจากการทำหน้าที่เป็นกาวใจในการเจรจาฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่าน นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวว่า สีจิ้นผิงจะต่อสายคุยกับประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนด้วย  

สีหารือปูตินสำคัญอย่างไร 

การเดินทางเยือนรัสเซียนับเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกหลังสีจิ้นผิงได้รับการรับรองให้นั่งเก้าอี้ผู้นำจีนต่อเป็นสมัยที่ 3 ทั้งยังเกิดขึ้นในช่วงที่จีนกับรัสเซียเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน หลังจากประกาศการเป็นหุ้นส่วน “ไร้ขีดจำกัด” ตอนที่ปูตินกับสีจิ้นผิงพบกันระหว่างพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งเมื่อปีที่แล้ว ไม่นานก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครน และหลังจากนั้นจีนก็มีท่าทีเข้าข้างรัสเซียมาตลอดในกรณีที่เกี่ยวข้องกับสงคราม 

สำนักข่าว AP มองว่า การพบกันของสีจิ้นผิงกับปูตินที่มอสโกจะทำให้ความเป็นหุ้นส่วนของทั้งสองประเทศเหนียวแน่นขึ้น ซึ่งทั้งคู่มองว่ามีความสำคัญต่อการตอบโต้สิ่งที่จีนและรัสเซียมองว่าเป็นอิทธิพลอันไม่สมควรและเกินควรจากสหรัฐฯ และพันธมิตรชาติตะวันตก 

ศาลอาญาโลกออกหมายจับปูติน 

หมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ไม่น่าจะมีผลกระทบสำคัญต่อการพบปะของสีจิ้นผิงและปูติน หรือต่อท่าทีของจีนต่อรัสเซีย ทั้งจีน รัสเซีย สหรัฐฯ และยูเครนต่างก็ไม่ได้ให้การรับรองสนธิสัญญาการก่อตั้งศาลาญาระหว่างประเทศ ซึ่งหมายความว่าทั้ง 4 ประเทศไม่ได้ยอมรับเขตอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ และไม่ต้องผูกมัดกับคำสั่งของศาล 

นอกจากนี้ ปูตินยังแทบไม่มีความจำเป็นการการเดินทางไปยังประเทศที่มีสนธิสัญญากับศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือหากจำเป็นต้องไปก็ยังไม่แน่ว่าประเทศนั้นๆ จะจับกุมปูตินหรือไม่ เพราะเคยมีตัวอย่างให้เห็นแล้วจากกรณีของอดีตประธานาธิบดี โอมาร์ บาชีร์ ของซูดาน ที่เคยถูกศาลอาญาระหว่างประเทศออกหมายจับ ก็ไม่ถูกควบคุมตัวเมื่อเดินทางไปยังประเทศที่เป็นสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศ 

อย่างไรก็ดี การออกหมายจับดังกล่าวอาจมีผลต่อความคิดเห็นของสาธารณชนในจีนและรัสเซียและต่อสถานะของปูตินในเวทีโลกจนกว่าศาลจะยกฟ้องหรือตัดสินว่าปูตินไม่มีคามผิด 

ท่าทีแต่ละฝ่าย 

จอห์น เคอร์บี โฆษกคณะที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เรียกการผลักดันของปักกิ่งให้หยุดยิงในยูเครนว่าเป็น “การให้สัตยาบันต่อการพิชิตของรัสเซีย” และเตือนว่ารัสเซียอาจใช้การหยุดยิงจัดทัพใหม่ “เพื่อให้พวกเขาโจมตียูเครนใหม่ตามเวลาที่เลือกไว้” 

ด้าน นาตาเลีย บูทีสกา นักวิเคราะห์การเมืองชาวยูเครนเผยว่า “ภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้ การเจรจาสันติภาพหล่านี้ไม่ได้มุ่งโดยตรงไปที่สันติภาพ” และว่าการเยือนครั้งนี้สะท้อนถึงความปรารถนาสันติภาพของจีนไม่มากนัก แต่สะท้อนความปรารถนาของจีนที่จะมีบทบาทสำคัญในการบรรลุข้อตกลงหลังความขัดแย้ง

ส่วนท่าทีของจีนนั้น ระหว่างประกาศว่าผู้นำจีนจะเยือนรัสเซีย กระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุว่า ควมสัมพันธ์ของจีนและรัสเซียคือขุมกำลังสำคัญของโลก และว่า “ขณะที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่แห่งความปั่นป่วนและการเปลี่ยนแปลง ในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและมหาอำนาจที่สำคัญ ความสำคัญและอิทธิพลของความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย นั้นขยายขอบเขตไปไกลกว่าระดับทวิภาคี” และเรียกการเยือนครั้งนี้ว่า “การเดินทางแห่งมิตรภาพ” 

AP มองว่า แม้ว่าจีนจะไม่ส่งความช่วยเหลือทางการทหารให้รัสเซียอย่างที่สหรัฐและพันธมิตรกังวล มอสโกก็ยังมองว่าการเยือนของสีจิ้นผิงเป็นสัญญาณที่ทรงพลังของการหนุนหลังของจีน ซึ่งท้าทายความพยายามของตะวันตกในการทำให้รัสเซียโดดเดี่ยวและสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้รัสเซีย 

ทำไมจีนพยายามเสนอตัวเป็นคนกลาง 

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ปกติจีนจะไม่เข้าไปแทรกแซงความขัดแย้งของประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่อยู่ห่างไกล ทว่าข้อตกลงฟื้นสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียและอิหร่านเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเน้นย้ำถึงเป้าหมายของจีนที่จะฉายภาพตัวเองว่าเป็นมหาอำนาจที่มีความรับผิดชอบภายใต้การกำกับดูแลของสีจิ้นผิง 

หวังเจียงอวี้ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจาก City University of Hong Kong เผยว่า “สีต้องการให้ตัวเองถูกมองเป็นรัฐบุรุษในเวทีโลกซึ่งมีอิทธิพลอย่างน้อยก็เทียบเท่ากับผู้นำสหรัฐฯ” 

อีกประเด็นหนึ่งคือการค้า หลังจากสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรคว่ำบาตรรัสเซีย การค้าระหว่างจีนกับรัสเซียก็เพิ่มขึ้น โดยตลอดระยะเวลาดังกล่าว จีนซื้อพลังงานจากรัสเซียกว่า 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นแหล่งเงินสดแหล่งสำคัญให้รัสเซีย รวมทั้งการจัดหาเทคโนโลยีและสินค้าอื่นๆ และปีนี้รัสเซียคาดว่ามูลค่าการค้ากับจีนจะเพิ่มเป็น 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 185,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022  

เจนิส คลูเกนักวิเคราะห์เศรษฐกิจรัสเซียจาก German Institute for International and Security Affairs ในกรุงเบอร์ลินของเยอรมนีเผยว่า “ตอนนี้การค้าขายกับจีนสำคัญกับรัสเซียมาก ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจมักจะไม่สมส่วนกัน แต่นับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้น ความไม่สมส่วนนี้กลายเป็นการพึ่งพาอาศัย” 

จีนจะมีบทบาทอย่างไร 

นักวิเคราะห์มองว่าการจำให้รัสเซียและยูเครนกลับมานั่งโต๊ะเจรจากันเป็นเรื่องยากสำหรับจีน ไม่เหมือนกรณีของซาอุดีอาระเบียกับอิหร่าน อวิ๋นซุน จาก Stimson Center เผยว่า “ซาอุดีอาระเบียและอิหร่านต้องการเจรจากันจริงๆ เพื่อปรับความสัมพันธ์ ผิดกับรัสเซียและยูเครน อย่างน้อยก็ตอนนี้” เช่นเดียวกับอเล็กซานเดอร์ กาบูเยฟ ประธาน Carnegie Russia-Eurasia Center ที่บอกว่า “ทั้งสองฝ่ายอยู่ในโหมด ‘ลองทำสงครามกันไหม’ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับการทูต” 

ความพยายามที่ไร้ผลของตุรกีในการเป็นเจ้าภาพการเจรจาในอิสตันบูลเมื่อปีที่แล้วเน้นย้ำถึงความยากลำบากของการเป็นคนกลางการเจรจาสันติภาพ 

แต่ไม่ว่าจีนจะทำสำเร็จหรือไม่ อย่างน้อยความพยายามของสีจิ้นผิงก็ทำให้จีนได้แสดงท่าทีว่าตัวเองกำลังแสวงหาสันติภาพ ในขณะที่สหรัฐฯ และพันธมิตรเจรจาเกี่ยวกับการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ยูเครนเพิ่ม

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์