นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวถึงการประเมินท่าทีของนักลงทุนต่อนโยบายรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกกลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง ว่า ต้องดูรายละเอียดมาตรการนโยบายของรัฐบาลนายโดนัลด์ ทรัมป์ ส่วนที่มีแนวคิดจะดึงการลงทุนกลับสหรัฐฯ นั้น เลขา BOI ระบุว่า จริงๆ แล้วสหรัฐฯ ก็มีเครือข่ายการลงทุนในอาเซียนจำนวนมาก และจำเป็นต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมในภูมิภาคนี้อยู่ และคิดว่าไม่ถึงขั้นตัดขาด ดังนั้น จะต้องดูเป็นอุตสาหกรรมไป เพราะรัฐบาลสหรัฐฯ จะมีมาตรการแตกต่างกันไป ในแต่ละอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ จากสถานการณ์สงครามทางการค้าที่จะรุนแรง ทำให้ประเทศผู้ผลิตอุตสาหกรรมหาแหล่งผลิตที่ไม่ใช่เป็นประเทศคู่ขัดแย้ง และต้องมีความพร้อมด้านปัจจัยการผลิต จึงเป็นปัจจัยทำให้ประเทศไทยเกิดความโดดเด่นในการรองรับด้านการลงทุนจากทุกฝ่าย ภาพประเทศไทยขณะนี้ได้รับความไว้วางใจจากทุกฝ่าย มีความเชื่อมั่นในการมาลงทุนในไทย อย่างไรก็ตาม คาดการณ์การลงทุนที่เพิ่มขึ้น นอกจากจีนแล้ว ก็ยังมี สหรัฐ และญี่ปุ่น
เลขาฯ บีโอไอ ยังชี้ ต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย มีสัญญาณเพิ่มขึ้น ทั้งจากจีน สหรัฐ และญี่ปุ่น โดยจากที่ไปโรดโชว์จีน ได้รับการตอบรับอย่างดี มีนักลงทุนจีนสนใจเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 600 คน ซึ่งมากกว่าการจัดงานก่อนหน้านี้ ขณะที่นโยบายทรัมป์ ที่กำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำสหรัฐ ก็ประกาศกร้าวนโยบายขึ้นภาษีสินค้าที่นำเข้าจากจีน 60% ควบคู่กับภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่น 10-20% เป็นอีกปัจจัยสำคัญ ทำให้จีนเล็งอาเซียนว่ามีความเหมาะสมในการขยายฐานการผลิต โดยเฉพาะประเทศไทย จึงทำให้มีสัญญาณความสนใจการลงทุนตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยต่อเนื่อง และตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราก็เห็นจำนวนเม็ดเงินที่เข้ามาแล้ว โดยเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่เข้ามาแล้ว คืออุตฯ ด้านอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เชลล์แบตเตอรี่ และดิจิทัล
ขณะที่สหรัฐมีการลงทุนเพิ่มขึ้นปีละกว่า 70% รวมถึงการลงทุนจากญี่ปุ่น มีการพัฒนาเติบโตขยายการลงทุนมากขึ้น