ทูตจีน เข้าใจสินค้าไทย ‘ลำบากแข่ง’ ย้ำ พร้อมเพิ่มโอกาส

9 ก.ย. 2567 - 14:12

  • ทูตจีน ยังย้ำ จีน-ไทย เพื่อนบ้านดุจญาติ มีความใกล้ชิดทางสายเลือด เป็นหุ้นส่วนที่ดี ย้ำ การค้า อยู่ในรูปแบบเอื้อประโยชน์

  • แจงปมปัญหาจีนเทา และหลากปัญหาสินค้าจีน ที่กระทบ SMEs ไทย

  • ตอกย้ำ จีนเข้าใจความยากลำบาก และพร้อมส่งเสริม สนับสนุน

chinese-ambassador-answer-questions-trade-impact-competition-SPACEBAR-Hero.png

การค้าไทย-จีน กล่าวได้ว่า โอกาสน้อยที่ไทยจะได้เปรียบ เว้นเสียแต่ว่า สิ่งต่างๆ เหล่านั้น จีนไม่มีและไม่สามารถผลิตได้ นั่นจึงทำให้ “จีนนำเข้าสิ่งต่างๆ เหล่านั้น อย่างเต็มที่ เช่น สินค้าเกษตร อย่าง ทุเรียนไทย” แต่ใช่ว่าจีนจะหยุดพัฒนาสินค้า เพราะขณะที่นำเข้าจากไทย ทำธุรกิจล้งในประเทศไทย กวาดต้อนซื้อผลผลิตในแต่ละสวน อยู่นี้ จีนก็ปลูกและพัฒนาสายพันธุ์ทุเรียนในประเทศตัวเอง อย่างต่อเนื่อง

นี่แค่สินค้าเกษตร ที่ดูเหมือนไทยจะได้เปรียบ แต่กฎกติกา กฎหมายทางการค้า หากไทยไม่แข็งขัน กฎหมายที่มี ก็ไม่เกิดประโยชน์ ทำให้เห็นปัญหาเกิดขึ้นต่อเนื่อง ผู้ประกอบการไทย ก็ไม่ได้รับความช่วยเหลืออยู่ดี เราจึงเห็นปัญหาถาโถม ทั้ง ปัญหาสินค้าราคาถูก ทะลักไทย, การทุ่มตลาด, การจ้างงานและการผลิต, เศรษฐกิจดิจิทัล การเติบโตของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากจีน และเรื่องของ การท่องเที่ยว ที่ยังพึ่งพานักท่องเที่ยวจีนเป็นอย่างมาก สิ่งนี้จึงอาจเป็นความเสี่ยง โดยเฉพาะเมื่อมีตัวอย่าง เช่น ช่วงโควิด 19 ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนหาย ...โดยใน 5 ปัญหานี้ ก็ชี้ชัด ถึงผลต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยที่เกิดขึ้นหลายมิติมาต่อเนื่อง 

แน่นอนว่า ข่าวคราวที่ไทยกล่าวถึงผลกระทบนี้ ถูกเผยแพร่มาแรมปี ยอมเป็นที่รับรู้รับทราบ ดังนั้น เมื่อทูตจีนในประเทศไทย มีโอกาสได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวประเทศไทย จึงนำข้อความมาเผยแพร่ ผ่านเพจ Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย 

โดย โฆษกสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ชี้ถึงแต่ละคำถามสำคัญ ซึ่งว่ามาตั้งแต่ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระบุ จีน-ไทย เป็นเพื่อนบ้านดุจญาติ มีความใกล้ชิดทางสายเลือด เป็นหุ้นส่วนที่ดี ที่มีอนาคตร่วมกัน ประชาชนทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดดุจพี่น้อง ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน

ในแง่ ‘การค้า’ ก็อยู่ในรูปแบบเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน “ความไม่สมดุลทางการค้าระหว่างไทยและจีน” ที่เกิดขึ้นไม่ได้นับที่ใครขาดดุล หรือใครเกินดุล เพราะช่วงก่อนปี 2562 จีนขาดดุลและไทยเกินดุล แต่หลังจากปี 2563 ได้เปลี่ยนเป็นจีนเกินดุลและไทยขาดดุล เป็นผลมาจากโครงสร้างเศรษฐกิจและการผลิตที่เปลี่ยนแปลงไป ย้ำ การขาดดุลหรือเกินดุล ไม่สามารถกมองอย่างง่ายๆ ว่า ใครได้เปรียบ ใครเสียเปรียบ 

สิ่งสำคัญคือ ขึ้นอยู่กับว่าการค้าที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับความต้องการ และโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศหรือไม่ จีนมีตลาดที่ใหญ่มาก แต่ไม่เคยตั้งเป้าว่าจะต้องเกินดุลการค้ากับไทย จีนยินดีเปิดตลาดให้ไทยส่งออกไปยังจีนมากขึ้น และได้อำนวยความสะดวก ออกมาตรการการสนับสนุนในด้านต่างๆ

โฆษกสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ยังชี้แจงประเด็น ข้อวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อท้องถิ่นและในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการส่งออกสินค้าจีนมายังประเทศไทย ว่า ความจริง เกือบ 80% สินค้าที่ไทยนำเข้าจากจีน เป็นสินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง ซึ่งถูกนำมาผลิต เพิ่มมูลค่า ก่อนการส่งออกในท้ายสุด

ส่วนสิ่งที่เรียกว่า สินค้าราคาถูก ที่ดึงดูดความสนใจของประชาชน ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อาหาร สินค้าเพื่อสุขภาพ เสื้อผ้าและเครื่องประดับ เป็นต้น ซึ่งมีสัดส่วนไม่ถึง 10% ของยอดมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากจีน หรืออีกแง่สินค้าเหล่านี้มีมูลค่าแค่ครึ่งเดียวของสินค้าเกษตรของไทยที่ส่งออกไปจีน โดยสินค้าเกษตรเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เสริมความต้องการของประชาชนในแต่ละประเทศ เช่น ทุเรียนไทย ส่งออกไปจีน ส่วนส้มและผลไม้เขตอบอุ่นของจีนบางชนิดส่งเข้ามาไทย

จากรายงานของสื่อ สินค้าจีนในบางส่วนมีปัญหาไม่ได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์อาหารและยาของไทย (อย.) หรือไม่ได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของไทย (มอก.) รวมถึงไม่ได้มาตรฐานอื่นๆ เป็นต้น รัฐบาลจีนเรียกร้องให้บริษัทจีนและชาวจีนดำเนินกิจการตามกฎหมาย ข้อบังคับในต่างประเทศอย่างเคร่งครัดโดยตลอด

“เราสนับสนุนรัฐบาลไทย ให้เข้มงวดในการกำกับดูแลตามกฎหมาย แก้ไข ปราบปรามการละเมิดกฎหมาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง”

“ที่ผ่านมากิจการขนาดกลาง ขนาดเล็ก หรือเอสเอ็มอีของไทย เผชิญกับการแข่งขันจากสินค้าจีน โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อประกอบกับปัจจัยเชิงลบอื่นๆ ทำให้กิจการเอสเอ็มอี ประสบความยากลำบาก เราตระหนักดีถึงความสำคัญของกิจการเหล่านี้ เข้าใจถึงความยากลำบากที่เกิดขึ้น เราเชื่อว่ากิจการเหล่านี้ควรได้รับการสนับสนุน ช่วยเหลือ และเรายินดีที่จะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ช่วยเหลือ พัฒนา ภายใต้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าอย่างยั่งยืนระหว่างจีนและไทย”

สิ่งนี้หรือไม่ ที่บอกกล่าวเป็นนัยว่า “ให้รัฐบาลไทย เข้มงวด บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดมากขึ้น” เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยของตัวเอง

chinese-ambassador-answer-questions-trade-impact-competition-SPACEBAR-Photo-V02.png

โลกเปลี่ยนการค้า อีคอมเมิร์ซข้ามชาติ กระทบผู้ประกอบการไทย

ทั้งนี้ เมื่อ โฆษกสถานทูตจีนในประเทศไทย ถูกตั้งคำถาม มองปัญหาใหม่ ที่เกิดจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติอย่างไร? ท่านชี้ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เป็นรูปแบบธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้นในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ประเทศต่างๆ ต่างก็กำลังเผชิญกับปัญหาในการพัฒนาแพลตฟอร์มเหล่านี้ โดยอีคอมเมิร์ซช่วยลดขั้นตอนทางธุรกิจ ประหยัดต้นทุนการทำธุรกรรม และนำเสนอทางเลือกที่สะดวกมากขึ้นแก่ผู้บริโภค ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบพิเศษของตนเอง 

ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น ทำให้รูปแบบธุรกิจแบบดั้งเดิมต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านการแข่งขันที่รุนแรง และเกิดความท้าทายใหม่ๆ โดยเฉพาะการควบคุมดูแลด้านการบริหาร คุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ การคุ้มครองสิทธิผลประโยชน์ของร้านค้าและผู้บริโภค

ดังนั้น เราต้องมีมาตรการรับมือ เพื่อเพิ่มจุดแข็งและหลีกเลี่ยงจุดอ่อน แสวงหาข้อได้เปรียบ หลีกเลี่ยงข้อเสีย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาของเศรษฐกิจและสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือการใช้ประโยชน์จากอีคอมเมิร์ซ โดยก่อนหน้านี้ไทยได้การถ่ายทอดสดอีคอมเมิร์ซเพื่อนำสินค้าไปขายให้จีน ซึ่งขายได้สำเร็จถึง 4,000 ล้านบาทภายในสองวัน และยังได้ใช้การถ่ายทอดสดทางอีคอมเมิร์ซเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งมีผู้เข้าชมมากกว่า 20 ล้านคน มียอดการทำธุรกรรมถึง 100 ล้านบาท จีนยินดีและส่งเสริมให้ไทยใช้ประโยชน์จากรูปแบบอีคอมเมิร์ซใหม่ๆ เพื่อขยายตลาดจีน ยินดีที่จะกระชับความร่วมมือในการพัฒนาความสามารถด้านดิจิทัล แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการกำกับดูแลตลาดอีคอมเมิร์ซ และร่วมกันใช้โอกาสใหม่ของยุคอินเทอร์เน็ต

บทบาทวิสาหกิจจีน พัฒนาประเทศไทย

โฆษกสถานทูตจีนในประเทศไทย ยังให้มุมมองเกี่ยวกับ “บทบาทของวิสาหกิจจีนในไทยต่อการพัฒนาของประเทศไทย” โดยยกตัวอย่าง บริษัท หัวเว่ย เป็นบริษัทไฮเทคของจีนที่เติบโตในไทย และมีส่วนช่วยเหลือ พัฒนาเทคโนโลยีในประเทศไทย และรวมถึงบริษัทจีนอีกมากกว่า 1,000 แห่งที่มาลงทุนและตั้งโรงงานในประเทศไทย เพื่อสร้างเครือข่ายการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ ในอีกด้านก็เป็นความปรารถนาดีของกิจการของจีนที่ต้องการช่วยเหลือ ยกระดับการพัฒนาของไทย ตอบสนองต่อความสัมพันธ์จีน-ไทยที่ว่า ‘จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน’

“เรามั่นใจว่าการลงทุนของวิสาหกิจจีนช่วยให้ไทยพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติ ไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำ 5G มาใช้เชิงพาณิชย์ การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอยู่ในแนวหน้าในภูมิภาค ซึ่งทั้งหมดได้รับการสนับสนุนจากบริษัทสื่อสารและเทคโนโลยีดิจิทัลของจีนหลายแห่ง เช่น หัวเว่ย, ZTE และ China Mobile ไทยกำลังพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานใหม่และผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว จีนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและมีบทบาทสำคัญในกระบวนการการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แผงโซล่าเซลล์ การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ มูลค่าผลผลิตรวมของนิคมอุตสาหกรรมระยองไทย-จีนมีมูลค่ามากกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย 80% ของผลผลิตเหล่านั้นส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ”

วิสาหกิจจีนที่มาลงทุนในไทย มุ่งมั่นที่จะพัฒนาแบบบูรณาการ เชื่อมโยงกับกิจการของไทย ในการสร้างห่วงโซ่การผลิต ห่วงโซ่อุปทานโดยใช้วัตถุดิบ ปัจจัยการผลิตในไทย เพื่อส่งเสริมพัฒนากิจการของคนไทย โดยสินค้าที่ผลิตและส่งออก มีการใช้ปัจจัยการผลิตของไทยมากกว่า 40% และมีการขยายสัดส่วนการใช้ปัจจัยการผลิตของไทยอย่างจริงจัง 
- บริษัท Xinyuan Energy Thailand มีซัพพลายเออร์ในไทย 459 ราย 
- บริษัท China Resources Thailand มีซัพพลายเออร์ในไทยมากกว่า 700 ราย และ
- บริษัท SAIC Motor-CP มีซัพพลายเออร์ในไทยมากกว่า 100 ราย 
- รวมถึงวิสาหกิจจีนในประเทศไทย ยังปฏิบัติตามกฎระเบียบว่าด้วยใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าอย่างเคร่งครัด

วิสาหกิจจีนยังช่วยเพิ่มการจ้างงานและอบรมบุคลากร ไทยยังมีกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยต้องจ้างพนักงานไทย 4 คน ถึงจะยื่นขอใบอนุญาตทำงานพนักงานต่างชาติได้ 1 คน บริษัทจีนที่ลงทุนในไทยทำเกินกว่ากฎระเบียบเหล่านี้มาก สัดส่วนของพนักงานคนไทยของบริษัท SAIC Motor-CP อยู่ที่ระดับ 97.5% ของบริษัท Haier Thailand คือ 94% และของบริษัท Zhongce Rubber Thailand อยู่ที่ 92% คาดว่าบริษัทจีนได้สร้างงานกว่า 300,000 ตำแหน่ง พนักงานเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีค่าจ้างที่ค่อนข้างมั่นคง แต่ยังได้รับการฝึกอบรมทักษะที่ดี เป็นบุคลากรที่มีทักษะเพิ่มขึ้นอีกด้วย การอบรมเพิ่มศักยภาพเหล่านี้ยังเปิดกว้างให้ให้คนไทย ให้สังคมไทยอีกด้วย บริษัทหัวเว่ยได้จัดตั้ง Huawei ASEAN Academy (Thailand) ซึ่งเปิดสอนหลักสูตรการอบรมแก่คนไทยไปแล้ว 96,200 คน

จีนหนุนไทย ปราบจีนเทา

จากรายงานของสื่อและคดีที่เกี่ยวข้องที่ทางตำรวจไทยสอบสวน ชาวจีนบางคนได้เข้าร่วมในธุรกิจการบริการในประเทศไทย โดยมีคนเป็นจำนวนน้อยเกี่ยวข้องกับธุรกิจสื่อลามก การพนัน และยาเสพติด และบางคนได้หลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางกฎหมายโดย ‘ให้คนอื่นถือหุ้นแทน’ สำหรับปัญหาการละเมิดกฎหมายของท้องถิ่นที่ต้องสงสัยเหล่านี้ จีนสนับสนุนไทยในการสืบสวนและปราบปรามการกระทำเหล่านี้ตามกฎหมาย และรักษาความสงบเรียบร้อยของตลาดที่มีความเป็นธรรม และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย ความจริงแล้ว หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของทั้งสองประเทศได้ดำเนินการความร่วมมือที่ดีในการป้องปราบธุรกิจสีดำและสีเทามาโดยตลอด

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์