วันนี้ 9 เดือน 9 ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ ใช้ชุดเลข 9 ประกาศปิด ตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ยืนหยัดต่อสู้มายาวนาน
ตั้งฮั่วเส็ง เป็นธุรกิจของตระกูลจุนประทีปทอง เริ่มเปิดบริการในปี 2505 ที่บางลำพู ช่วงแรก จำหน่ายอุปกรณ์เย็บปักถักร้อย เครื่องสำอาง ผ้าแฟชั่น และอุปกรณ์ตัดเย็บต่างๆ ยุคนั้นการซื้อหาอุปกรณ์ตัดเย็บ ไหมพรม งานฝีมือ ต้องมาที่ตั้งฮั่วเส็ง บางลำพู ที่มีครบทุกอย่าง และที่สำคัญราคาถูก แฟชั่นนิสต้าในยุคนั้น ได้ตั้งฮั่วเส็ง เป็นแหล่งหาสินค้า และเติบโตได้
เมื่อได้รับความนิยมจากลูกค้าประจำ ที่เหนียวแน่นแล้ว ตั้งฮั่วเส็ง บางลำพู ก็เปิดแผนกซูเปอร์มาร์เก็ต เครื่องไฟฟ้า เครื่องเขียน อุปกรณ์กีฬา เครื่องแต่งกายบุรุษ-สตรี และจุดขายของตั้งฮั่วเส็งยังเหมือนเดิม ราคาถูกกว่าที่อื่น
การก้าวกระโดดอีกขั้นหนึ่งของตั้งฮั่วเส็ง เกิดขึ้นในปี 2534 ขยายสาขาเป็นครั้งแรก บนถนนสิรินธร (เดิมถนนปิ่นเกล้า นครไชยศรี) เชื่อมต่อถนนจรัลสนิทวงศ์ และข้ามสะพานกรุงธน ไปฝั่งกรุงเทพที่ถนนสามเสน เป็นอาคารสูง12 ชั้น พื้นที่ 30,000 ตารางเมตร
ต้องยอมรับวิสัยทัศน์ของผู้บริหารคือ วิโรจน์ จุนประทีปทอง ที่ตัดสินใจเปิดสาขา และเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกบนถนนปิ่นเกล้า - นครไชยศรี ซึ่งเดิมมีห้างสรรพสินค้าพาต้า อยู่ที่ถนนจรัลสนิทวงศ์ และคู่แข่งรายใหญ่อย่างศูนย์การค้า เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ยังไม่เปิดบริการ
ถ้าเปรียบเทียบกับยุคนี้ ตั้งฮั่วเส็ง หา ‘Blue Ocean’ ของค้าปลีกชานเมือง ที่เวลานั้นรายใหญ่มองข้าม และยังไม่เข้ามาลงทุน
เมื่อมาถึงจุดที่การแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกรุนแรง การเปิดตัวของคู่แข่งรายใหญ่ ที่เปิดดักหน้า ดักหลัง ตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ก็พยายามปรับตัว และต่อสู้เช่นกัน มีการทำโมเดลค่าปลีกขนาดเล็ก กระจายไปตามชุมชน โดยใช้ชื่อ Get it ซูเปอร์มาร์เกต , ตั้งฮั่วเส็ง มินิมาร์ท ส่วนใหญ่อยู่ในสถาบันการศึกษา คอมมูนิตี้ มอลล์ แต่จำนวนสาขาไม่ได้มากนัก
ช่วงเวลานั้นตั้งฮั่วเส็ง ก็ต้องสูญเสียหัวเรือใหญ่ วิโรจน์ จุนประทีปทอง และส่งต่อการบริหารงานให้กับน้องสาวทำงานต่อ
เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป แพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เข้ามาแย่งลูกค้า ด้วยความสะดวก และราคาขายที่ต่ำกว่า ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เกต ถูกแย่งลูกค้าต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มลูกค้าที่เหนียวแน่นของตั้งฮั่วเส็ง คือผู้ที่นิยมเย็บ ปัก ถัก ร้อย ก็มีการขยายตัวไม่สูงมาก ความคึกคักในอดีตเลยหายไป
ตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ก็พยายามต่อสู้อย่างหนัก มีการปรับตัว และลดต้นทุน จากที่เปิดบริการทั้งอาคาร ก็เปิดพื้นที่บริการแค่ 2 ชั้น พร้อมกันนั้นก็มีข่าวว่า เดือนเมษายน 2567 ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทางกรมบังคับคดีได้นำมาขายทอดตลาด มีผู้ประมูลซื้อไปในราคากว่า 900 ล้านบาท ส่วนสาขาบางลำภู ก็ขายทอดตลาดไปก่อนหน้านี้ ด้วยมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท
