ภาพใหม่ของการท่องเที่ยวไทยเริ่มต้นแล้ว เมื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผนึกกำลังตลาดหลักทรัพย์ฯ และภาคเอกชน เปิดตัวโครงการ “Village to the World #SustainableAgenda” ที่ยกระดับ “ชุมชน” จากผู้ให้บริการ สู่ “พาร์ทเนอร์ ESG” ของธุรกิจไทยอย่างแท้จริง
โครงการนี้สร้างปรากฏการณ์การจับคู่ “บริษัทจดทะเบียน – ชุมชนต้นแบบ” ใน 5 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง, ชลบุรี, เชียงใหม่, น่าน และพิษณุโลก พร้อมสนับสนุนโดยแบรนด์ใหญ่ เช่น ไทยแอร์เอเชีย, AWC, AIS, SCG และ BAFS เดินหน้าพัฒนาชุมชนอย่างมีเป้าหมายภายใต้กรอบ ESG ที่สามารถวัดผลได้จริง
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เผยว่า ชุมชนไม่ใช่แค่ปลายทางของนักท่องเที่ยว แต่คือเวที ESG ที่มีชีวิต ที่ภาคธุรกิจสามารถลงมือทำจริงและเติบโตไปด้วยกันได้

ศรพล ตุลยะเสถียร ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ เสริมว่า โครงการนี้จะเปลี่ยน “CSR แบบเดิม” ให้กลายเป็น แพลตฟอร์มการลงทุนทางสังคม ที่ตอบโจทย์ทั้งนักลงทุนและชุมชนอย่างยั่งยืน

จับคู่ 5 ชุมชน – 5 บริษัทจดทะเบียน ขับเคลื่อนพื้นที่ ESG นำร่อง
ในระยะแรก โครงการฯ จับคู่บริษัทจดทะเบียนกับ 5 ชุมชนต้นแบบใน 5 จังหวัด ได้แก่
ลำปาง: กรมส่งเสริมวัฒนธรรม + ไทยแอร์เอเชีย พัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนท่ามะโอ–ปงสนุก พร้อมผลักดันมาตรฐานวัฒนธรรมระดับสากล
ชลบุรี: AWC + MELIÁ Hotels จับมือวิสาหกิจชุมชน รักษ์ทะเลบ้านอำเภอ ปั้นโมเดลจัดการขยะท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์
เชียงใหม่: AIS พัฒนาแม่สูนน้อย–ดอยเวียง สร้างชุมชนดิจิทัล และยกระดับทักษะความปลอดภัยไซเบอร์
น่าน: SCG (Yournique) เสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนและอนุรักษ์ต้นน้ำป่าแลวหลวง
พิษณุโลก: BAFS พัฒนาบ้านมุงเหนือ ยกระดับสินค้าเกษตร–บริการท่องเที่ยวมาตรฐานใหม่
นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนจากแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น Eventpass, Gother, Local Alike, SiamRise, Friday Trip และ Guide Guru ที่จะเข้ามาช่วยโปรโมต และสร้างแรงจูงใจผ่านโปรโมชั่นท่องเที่ยว ลดสูงสุดถึง 20% รวมถึงการสนับสนุนราคาพิเศษจาก AirAsia เพื่อเชื่อมการเดินทางสู่ชุมชนเหล่านี้อย่างสะดวกและเข้าถึงได้

ESG ที่ไม่ใช่แค่แนวคิด แต่เป็นการลงทุนจริง
โครงการนี้ยังสะท้อนภาพ “การลงทุนเพื่อสังคม” ที่เป็นรูปธรรม โดยธุรกิจสามารถนำผลลัพธ์จากความร่วมมือไปเปิดเผยในรายงาน ESG ของบริษัทเพื่อสร้างมูลค่าให้แบรนด์ และตอบโจทย์นักลงทุนทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
ในภาพรวม “Village to the World” จึงไม่ใช่แค่โครงการท่องเที่ยว แต่คือแพลตฟอร์มใหม่ของความร่วมมือ ที่ทำให้การท่องเที่ยวไทยกลายเป็นกลไกเศรษฐกิจ–สังคม–สิ่งแวดล้อม ที่จับต้องได้ มีผลตอบแทน และมีอนาคตร่วมกันอย่างยั่งยืน