เครือเซ็นทรัล มีธุรกิจกลุ่มของค้าส่ง-ค้าปลีก หรือ เซ็นทรัล รีเทล หนึ่งใน เรือธง อย่าง “ท็อปส์ เดลี่” ที่มีอยู่กว่า 515 สาขา รวมในพื้นที่ 23 จังหวัดทั่วประเทศไทย ล่าสุดต้องการสร้างการเติบโตให้มากขึ้นด้วยการเปิดโมเดลแฟรนไชส์ สำหรับนักธุรกิจที่สนใจลงทุนในมินิซูเปอร์มาร์เก็ต
เมทินี พิศุทธิ์สินธพ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด แถลงข่าวในงานอัพเดท ธุรกิจ ท็อปส์เดลี่ หลังการปรับโฉมใหม่ภายใต้ concept “Joy Venience Store” ว่าความโดดเด่นของธุรกิจรูปแบบแฟรนไชส์ นี้ คือ ลงทุนต่ำ คืนทุนไว กำไรดี การันตีรายได้ โดยมี 2 รูปแบบ สำหรับนักลงทุนที่สนใจ คือ
1.สำหรับผู้ที่มีกรรมสิทธิ หรือสิทธิครอบครองที่ดิน/อาคาร ขนาดมากกว่า 200 ตร.ม. เป็นระยะเวลามากกว่า 9 ปี ใช้เงินลงทุน 4 - 6 ล้านบาท การันตีรายได้ 150,000 บาทต่อเดือน (ผลตอบแทนจากกำไรขั้นต้น ผู้รับสิทธิร้านแฟรนไชส์ 70%) เป็นเวลา 24 เดือนแรกของสัญญา
2. สำหรับผู้ที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองที่ดิน แต่สนใจที่จะเข้าสวมสิทธิ์บริหารร้านท็อปส์ เดลี่ ที่เปิดอยู่เดิม ใช้เงินลงทุน 1.07 ล้านบาทขึ้นไป การันตีรายได้ 60,000 บาทต่อเดือน (ผลตอบแทนจากกำไรขั้นต้น ผู้รับสิทธิร้านแฟรนไชส์ 40%) เป็นเวลา 24 เดือนแรกของสัญญา หรือ คืนทุนไวภายในระยะเวลา 2 ปี
นอกจากนี้ยังระบุว่าหนึ่งในจุดเด่นที่เชื่อว่า จะสามารถทำให้แตกต่างจากคู้แข่งได้ คือ เครือเซ็นทรัล รีเทลมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดเจน อย่างปีที่ผ่านมา (ปี 2566) เติบโตถึง 10 %
จุดเด่น คือ แฟรนไชส์ของเรางลงทุนน้อย คืนทุนไว และเรามีการเติบโตอย่างชัดเจนปี 66 ที่ผ่านมา เราโต 2 digi (หรือราว 10%) และเราเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการได้ เพียงแต่มีใจรัก และอยากให้ทุกคนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ของเซ็นทรัล รีเทล เพื่อนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพ
เมทินี พิศุทธิ์สินธพ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด
สำหรับแฟรนไชส์ซี ทางเซ็นทรัล รีเทล จะมีทีมเทรนนิ่งมืออาชีพและพันธมิตรด้านการเงินที่ สนับสนุนสินเชื่อด้านเงินทุนจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) ผ่านข้อเสนอวงเงินกู้สูงสุดกว่า 5 ล้านบาท ดอกเบี้ยเริ่มต้น MLR-1.25% ผ่อนชำระนานสูดสุดที่ 12 ปีและยังมีระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นสูงสุดถึง 6 เดือน
สำหรับแผนกยุทธ์ขยายธุรกิจ เปิดตัว ‘แฟรนไชส์ ท็อปส์ เดลี่’ชูจุดแข็งแฟรนไชส์ผ่าน 4 จุดขายหลัก ได้แก่
1.ลงทุนต่ำ คืนทุนไว กำไรดี การันตีรายได้ - ตามรายละเอียดที่ได้มีการระบุข้างต้น ซึ่งกรณีที่ลงทุนรูปแบบที่สอง สวมสิทธิ์ในการบริหารด้วยเงินทุน 1 ล้านบาท การันตี 2 ปีขึ้นทุน กรณีอย่างช้า แต่ถ้าหากผลประกอบการดีมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็สามารถคืนทุนได้ไวขึ้น
2.ธุรกิจแฟรนไชส์สำหรับทุกคน – ทั้งผู้ลงทุนทุกกลุ่ม ทุกประเภท ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ครอบคลุมตั้งแต่บุคคลทั่วไปที่มีความใฝ่ฝันเป็นเจ้าของธุรกิจที่มั่นคงในระยะยาว ละกลุ่มนักลงทุนที่มองหาเส้นทางการเติบโตของธุรกิจ เพื่อมาร่วมสมัครเป็นครอบครัวแฟรนไชส์ ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
3.การันตีความสำเร็จด้วยศักยภาพอันแข็งแกร่ง – ปัจจุบัน ท็อปส์ เดลี่ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 515 สาขา โดยนับตั้งแต่การปรับโฉมโมเดล ท็อปส์ เดลี่ สู่ Joy-venience Store ภายใต้แนวคิด Every Day for Everyone ศูนย์รวมแห่งความสุขที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ดีๆ ให้กับลูกค้าในทุกวัน มีสินค้าให้ลูกค้าเลือกรวมกว่า 6,000 รายการสินค้า (SKU) ครอบคลุมทั้งสินค้านำเข้า สินค้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันและสินค้า Eat now Eat later พร้อมรับประทานที่หลากหลายที่สุด ตอกย้ำศักยภาพของค้าปลีกกลุ่มฟู้ดชั้นนำที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ที่สนใจร่วมลงทุนแฟรนไชส์
4.โอกาสในการผนึกกำลังร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจกับเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ผู้นำค้าปลีกด้านอาหารของไทย – แฟรนไชส์ท็อปส์ เดลี่ เสริมสร้างโอกาสให้ทุกคนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจของเครือเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ผู้นำธุรกิจค้าปลีกด้านอาหารของไทย ที่มากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ และดำเนินธุรกิจโดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญ ควบคู่กับการให้ความสำคัญในการสร้างคุณค่าร่วมกันระหว่างผู้คน ชุมชน และสังคม ให้มีโอกาสที่จะเติบโตไปพร้อมๆ กัน โดยเปิดรับสมัครสิทธิ์แฟรนไชส์ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ (20 มี.ค.67)
การเปิดรับสมัครแฟรนไชส์ ท็อปส์ เดลี่ ในครั้งนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายการเพิ่มขึ้นของแฟรนไชส์ เป็นสัดส่วน 45% จากเดิม 30% ของสาขาทั้งหมด รองรับการขยายตัวของธุรกิจมินิซูเปอร์มาร์เก็ตในประเทศไทยที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
เมทินี พิศุทธิ์สินธพ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด
นอกจากนี้พบข้อมูลที่น่าสนใจ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ จากการสำรวจของ NACS สัดส่วนประชากรต่อร้านสะดวกซื้อ หรือ มินิซูปเปอร์มาเก็ต 1 สาขา พบว่า ที่ เกาหลี อยู่ที่อัตรา 953 คนต่อ 1 ร้าน , ญี่ปุ่น อยู่ที่ 2,220 คนต่อ 1 ร้าน ในขณะที่ ประเทศไทย อยู่ที่ 4,428 คนต่อ 1 ร้าน จึงถือว่ามีโอกาสในการขยายตัวของตลาดนี้อีกมากในประเทศไทย
