ย้อนกลับไป 60 กว่าปีก่อน ตลาดถ่านไฟฉายของไทย มีตัวเลือกหลากหลายแบรนด์ และในยุคนั้น มักใช้ชื่อสัตว์ตั้งเป็นชื่อตราสินค้า เช่น ตรากบ ตราห่าน ตราไก่ และตราม้าขาว แต่เมื่อไม่นานนัก มีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาในท้องตลาดด เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2497 ที่มีแบรนด์จากญี่ปุ่นเข้ามา เริ่มจำหน่ายจากหัวเมือง ก่อนขยายไปต่างจังหวัด จากนั้นไม่กี่ปีก็สามารถแย่งสัดแบ่งการตลาดจากแบรนด์ของไทย ทำให้หลายผู้ประกอบการไทย หลายเจ้าต้องปิดตัวไป แต่ไม่ใช่กับ แบรนด์ "ม้าขาว" ที่ยังอยู่จนถึงวันนี้
ทำไมถึง ตัดสินใจปัดฝุ่น ถ่านไฟฉาย ตรา “ม้าข้าว” ขึ้นมาอีกครั้ง ?
ณัฐพล วิไลพรรัตนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกศลอุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถ่านไฟฉายแบรนด์ม้าขาว ในวัย 41 ปี คู่เขยเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของผู้ก่อตั้งถ่านตราม้าขาว เล่าว่า 3 ปีก่อน ทางครอบครัวภรรยา อยากให้ตนเข้ามาบริหารธุรกิจนี้ ตนจึงตัดสินใจเข้ามาศึกษาตัวผลิตภัณฑ์ถ่านไฟฉายอย่างจริงจัง และเห็นจุดเด่นในตัวผลิตภัณฑ์ จึงรับช่วงต่อในการทำธุรกิจนี้เพราะมองว่ายังมีช่องว่างในตลาดถ่านไฟฉาย
ความแตกต่างของถ่านไฟตราม้าขาว คือ คุณภาพความแรงและความนานของการใช้งานและราคาจับต้องได้ ยกตัวอย่าง ถ่านไฟฉาย AAA ของแบรนด์ม้าขาว เทียบกับ ถ่านไฟฉายในร้านทุกอย่าง 20 บาท ราคาใกล้เคียงกัน แต่ ถ่านตราม้าขาวใช้ในนานกว่า 2.5 เท่า
ส่วนสินค้าตลาดพรีเมียมที่เป็นถ่านแมงกานีส ราคาเฉลี่ยของแบรนด์ม้าขาว อยู่ที่ 25 บาทต่อแพ็ค ในขณะที่บางเจ้าราคาสูงถึง 49-69 บาทต่อแพ็ค นี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เขาตัดสินใจ เข้ามาช่วยรีแบรนด์ถ่านตราม้าขาวให้ดูทันสมัยขึ้น หวังให้แบรนด์กลับมาเป็นที่รู้จักในวงกว้างอีกครั้ง
ผมเชื่อว่า ในตลาดถ่านไฟฉายมี Pain Point เรื่องราคา ที่ส่วนใหญ่ราคายังสูง จึงเป็นที่มาของ ‘ถ่านตราม้าขาว’ มาด้วยคอนเซ็ปต์ ไม่ว่าจะอยู่ตลาดไหน คุณภาพจะดีมากที่สุด ในราคาที่เท่ากัน
ณัฐพล วิไลพรรัตนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกศลอุตสาหกรรม จำกัด
รวมถึงแบรนด์ "ม้าขาว" ถือเป็นแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ โดยผู้ก่อตั้งแบรนด์ คือ ม้าขาว คือ อากง โกวิทย์ วิชิตธนาฤกษ์ นักธุรกิจชาวไทยเชื้อสายจีน ได้สร้างทีมขายไว้อย่างยาวนาน มีความผูกพันกับคนในพื้นที่ โดยเฉพาะโซนภาคกลางและภาคเหนือตอนบน อาทิ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สุพรรณบุรี นครปฐม ชัยนาท อุทัยธานี นครสวรรค์ ได้อย่างเหนียวแน่น
เจ้าตลาดแบรนด์ญี่ปุ่น ครองส่วนแบ่งการตลาด 90% จะสู้ยังไง ?
ณัฐพล วิไลพรรัตนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกศลอุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า สำหรับตลาดถ่านไฟฉายของไทย เป็นที่ทราบกันดีว่าค่อนข้างผูกขาดมายาวนานจากแบรนด์สัญขาติญี่ปุ่นกว่า 90 %
นอกจากนี้ยังมีคู่แข่งถ่านไฟฉายจากประเทศจีน ที่หันมาเห็นสู้ด้วยกลยุทธ์ด้านราคา และจัดจำหน่ายในร้านทุกอย่าง 20 บาท ซึ่งเข้าถึงได้ง่าย ทำให้เป็นตลาดที่การแข่งขันค่อนข้างสูง ท่ามกลางสภาพตลาดที่ไม่ได้ขยายตัวนัก จากผลกระทบโควิด-19 ที่มูลค่าตลาดค่อนข้างทรงตัว
ปัจจุบัน ถ่านไฟฉายตราม้าขาว มีฐานลูกค้าเก่าอยู่ในต่างจังหวัด คิดเป็นยอดขายราว 90 % โดยใช้รูปแบบการจัดจำหน่ายแบบ Key Dealer 3 ประเภท ได้แก่ 1.รูปแบบรถแคชแวน 2.ร้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (D-Power , Welcome) และ 3.ร้านขายส่ง โดย Key Dealer มีทั่วประเทศราว 50 เจ้า ส่วนยอดขายอีก 10 % คือ การจำหน่ายตรงให้บริษัท หรือ องค์กร (กรมป่าไม้ กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ)
สำหรับปี 2567 วางกลยุทธ์หาพื้นที่จัดจำหน่ายในร้านโมเดิร์นเทรดในกรุงเทพและปริมณฑล พร้อมเปิดตัวสินค้าตัวใหม่ คือ รุ่น Realkaline (เรียลคาไลน์) เป็นถ่านอัลคาไลน์รุ่นแรก เจาะตลาดกลางขึ้นบน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการถ่านไฟฉายที่มีประสิทธิภาพสูง โดยตั้งเป้ายอดขายสินค้าเพิ่มขึ้น 100 %
ปี 2567 เราวางแผนเปิดตัวโปรดักส์ใหม่ รุ่น Realkaline เราจะเน้นลงทุนในด้านการตลาด เพื่อให้พี่น้องคนไทย ได้รู้จักถ่านตัวนี้มากขึ้น และเพิ่มจุดจำหน่ายให้ทุกคนสามารถซื้อได้ง่ายขึ้น
ณัฐพล วิไลพรรัตนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกศลอุตสาหกรรม จำกัด
อย่างไรก็ตาม ณัฐพล วิไลพรรัตนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกศลอุตสาหกรรม จำกัด กล่าวอีกว่าอนาคต นอกจากถ่านไฟฉาย บริษัทฯ ยังมีมองหาโอกาสในสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตลาดแบตเตอรี่ เช่น ส่วนประกอบหนึ่งของรถยนต์ไฟฟ้า หรือ ส่วนประกอบของโซลาเซลล์ หรือ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆด้วย
