แกร็บฟู้ด เปิดรายงาน “เจาะลึกธุรกิจและเทรนด์ร้านอาหารปี 2025” พร้อมชี้ 5 เทรนด์อาหารที่จะมาแรงในปี 2025 เน้นย้ำโอกาสใหม่สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร และสะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคไทยที่เปลี่ยนไป อย่างน่าสนใจ จับตาดาวรุ่งสาเก กระแสเมนูของว่าง ชิโอะปังสุดฮอต โปรตีน-ซูเปอร์ฟู้ดฟีเวอร์

‘สาเก’ มาแรง เปลี่ยนเกมวงการร้านอาหาร :
ด้วยกระแส Asianization และความนิยมอาหารญี่ปุ่น “สาเก” ก้าวขึ้นมาเป็นวัตถุดิบไฮไลต์แห่งปี การแพริ่งสาเกกับอาหารจะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในร้านสไตล์ Sake Bar และ แคชวลไดนิ่ง (Casaul Dining)
จึงเป็นที่คาดว่าปีนี้จะได้เห็นเทรนด์ร้านอาหารแนว Sake Bar เติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่แพ้กระแสเนเชอรัลไวน์ (Natural Wine) ที่เคยร้อนแรงก่อนหน้านี้ ร้านอาหารและบาร์ที่นำเสนอประสบการณ์สาเกในมุมที่แปลกใหม่ จะยิ่งมีโอกาสเข้าถึงลูกค้ากลุ่ม Early Adopter ได้ก่อน

Snackification ครองชีวิตคนเมือง :
ผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตเร่งรีบ หันมาเลือกของว่างขนาดพอดีคำเป็นอาหารแทนมื้อหลัก เมนูที่ตอบโจทย์เช่น บาร์ธัญพืช, โอนิกิริ, สลัดแร็ป กลายเป็นโอกาสทองของแบรนด์ที่สามารถพัฒนาเมนู Grab & Goได้ และตอบโจทย์ชีวิตแบบพร้อมเดินทาง หรือแม้แต่เส้นหมี่ไก่ฉีก
นอกจากนี้ ยังชูจุดขายเรื่องวัตถุดิบที่ให้พลังงานสูง ดีต่อสุขภาพ และแพ็กเกจจิ้งที่หยิบกินง่าย กลายเป็นช่องว่างทางการตลาดที่ร้านค้าและแบรนด์สามารถใช้เข้าถึงกลุ่มคนเมืองยุคใหม่ได้

โปรตีน-ซูเปอร์ฟู้ดฟีเวอร์ พุ่งไม่หยุด :
กระแสรักสุขภาพยังเติบโตต่อเนื่อง วัตถุดิบอย่าง เวย์โปรตีน, เต้าหู้, กรีกโยเกิร์ต, ถั่วนานาชนิด, รวมถึง สาหร่ายสไปรูลิน่า และ Sea Moss Gel กำลังเป็นที่นิยมในเมนูเครื่องดื่มและอาหารทั้งคาวหวาน ร้านอาหารที่เพิ่มเมนูสุขภาพ หรือตัวเลือกส่วนผสมเพื่อสุขภาพในรูปแบบที่น่าสนใจ จะเป็นแต้มต่อที่ช่วยดึงดูดลูกค้าสายเฮลตี้อย่างแน่นอน

Swavory ผสานหวาน-คาว สร้างความต่าง :
เทรนด์การผสมรสชาติ ‘หวาน-คาว’ กำลังบูม เช่น สมูทตี้โบวล์รสยำ หน้ายำผลไม้สไตล์ไทยรสแซ่บอย่างเมนู ‘Yum Fruit Zaap! Bowl’ จากแบรนด์ Acai Story หรือ น้ำแข็งไสสไตล์เม็กซิกันที่ตัดรสด้วยซอสพริก อย่างเมนู ‘คากิโกริแมงโก้นาดาซอสศรีราชา’ จาก After You นอกจากช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ผู้บริโภค ยังเปิดโอกาสให้แบรนด์ได้คอลแลบข้ามสายเพื่อสร้างกระแสใหม่ในตลาด
เทรนด์นี้ยังเปิดโอกาสให้แบรนด์ต่างวงการได้คอลแลบร่วมกันเพื่อสร้างความเซอร์ไพรส์ให้ตลาด เช่นเดียวกับวงการค็อกเทลไทย ที่นำวัตถุดิบอาหารคาวมาผสมผสานในเมนูเครื่องดื่มที่แปลกใหม่ การชูรสเค็ม-หวานแบบไทยๆ ไม่เพียงแต่สร้างความแตกต่างในตลาด แต่ยังช่วยยกระดับวัตถุดิบท้องถิ่นและถ่ายทอดวัฒนธรรมอาหารไทยในมุมมองที่ทันสมัย ดึงดูดทั้งนักชิมชาวไทยและต่างชาติที่แสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ

เมนูไวรัลจากต่างประเทศ ปังต่อเนื่อง :
กระแสเมนูจากต่างแดนยังมาแรง เช่น ชิโอะปัง (ขนมปังเกลือ), ทาร์ตไข่สไตล์ฮ่องกง, และ โยเกิร์ตซอฟเสิร์ฟ สะท้อนว่าผู้บริโภคไทยยังคงมองหาอาหารใหม่ๆ และเปิดรับเทรนด์จากต่างประเทศอย่างรวดเร็ว โดย โซเชียลมีเดีย เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เทรนด์เหล่านี้เติบโตอย่างรวดเร็ว ร้านไหนหรือแบรนด์ไหนจับกระแสได้ก่อน มีโอกาส ‘เกิด’ และ ‘เติบโต’ ได้ไวในปี 2025 แน่นอน
จับกระแสต่างแดน สร้างจุดเด่นต่อยอดความปัง
ในปีที่ผ่านมา เมนูไวรัลในไทยส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากต่างประเทศ โดยมักเริ่มจากความนิยมเฉพาะกลุ่ม ก่อนที่จะกลายเป็นกระแสเมนสตรีมที่ขับเคลื่อนโดยแบรนด์ใหญ่และโซเชียลมีเดีย จนเกิดเป็น ‘Dupe Culture’ ในวงการอาหาร เช่น เมนูสมูทตี้สีฟ้า หรือกระแสช็อกโกแลตดูไบที่ฮิตติดลมบน
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ เทรนด์เมนูจากต่างแดนยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง อย่างกระแส ‘ชิโอะปัง’ หรือขนมปังเกลือ ที่มียอดค้นหาบนแกร็บฟู้ดพุ่งสูงขึ้นถึง 66 เท่าในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ รวมถึง ‘ทาร์ตไข่สไตล์ฮ่องกง’ และอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตามองคือการกลับมาของ ‘โยเกิร์ตซอฟต์เสิร์ฟ’ ร้านที่ติดตามกระแสและปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว จะมีโอกาสสร้างจุดเด่นและเติบโตในตลาดที่แข่งขันสูงได้
