ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด มาร์ทิน ชเวงค์ กล่าวว่า โมเดลธุรกิจ ‘Retail of the Future’ ถือเป็นกลยุทธ์ค้าปลีกรูปแบบใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่นำเสนอวิธีการซื้อรถในรูปแบบใหม่ ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และรองรับพฤติกรรมกับเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
พร้อมกับลดความเหลื่อมล้ำด้านราคา ทำให้ลูกค้าทุกคนไม่จำเป็นต้องต่อรองราคา ด้วยการกำหนดนโยบาย ‘One Price’ ราคาเดียวกันทั่วประเทศ ที่จะทำให้ลูกค้าทุกคนได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากเมอร์เซเดส-เบนซ์
โมเดลการตลาดใหม่ของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ผ่านการหารือกับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และประกาศความพร้อมเมื่อเดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งโมเดลนี้ช่วยสร้างข้อได้เปรียบให้กับลูกค้าโดยตรง เน้นเรื่องความโปร่งใสด้านราคาและข้อเสนอที่เท่าเทียมกันในทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงลูกค้าสามารถเลือกรถยนต์ทุกรุ่นที่ต้องการผ่านระบบคลังสินค้าส่วนกลางที่เชื่อมต่อกันทั่วประเทศ
จากการปรับใช้โมเดลธุรกิจและสร้างความสำเร็จมาแล้วในกว่า 10 ประเทศทั่วโลก โดยมี เยอรมนี และมาเลเซียเป็น 2 ประเทศล่าสุดในปีที่ผ่านมา เป็นข้อพิสูจน์ที่ทำให้เห็นว่าโมเดลนี้สามารถสร้างประโยชน์ให้กับทั้งฝั่งตัวแทนจำหน่ายฯ และลูกค้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกคน
ความหมาย Retail of the future
สำหรับ Retail of the future อธิบายได้ว่า บริษัทแม่เป็นผู้กำหนด และควบคุมการขายเองทั้งหมด ตั้งแต่กำหนดราคา แคมเปญส่งเสริมการขาย การเช่าซื้อ รวมไปถึงการสัญญาธุรกรรม ใช้ในนามบริษัทแม่ทั้งหมด ตัวแทนจำหน่ายจะถูกปรับเปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้ร่วมธุรกิจ คอยดูแลลูกค้า ก่อนและหลังซื้อ โดยจะมีรายได้จากค่าคอมมิชชั่นจากบริษัทแม่
ในส่วนของตัวแทนจำหน่าย บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้ทำการการยกเลิกสัญญาเดิมกับดีลเลอร์ทั้งหมด 33 ราย ซึ่งทุกรายพร้อมเปลี่ยนสัญญาใหม่ และเซ็นสัญญาร่วมกันใหม่เสร็จเรียบร้อยภายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 เพื่อให้ทุกแห่งมีเวลาเคลียร์รถยนต์ในสต็อกของตัวเอง
วิธีการเป็นเจ้าของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในรูปแบบใหม่มี 5 ขั้นตอน ดังนี้
Step 1 ‘เข้าใกล้รถที่ใช่’ ลูกค้าสามารถค้นหารถรุ่นที่ชอบ ติดต่อที่ปรึกษาการขาย และลงทะเบียนทดลองขับได้ที่โชว์รูมทั่วประเทศ หรือผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
Step 2 ‘เข้าถึงสต็อกกลาง’ ระบบคลังสินค้าส่วนกลางที่จัดการโดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะทำให้ตัวแทนจำหน่ายฯ และลูกค้าทุกคนเข้าถึงรถยนต์ทุกรุ่นเหมือนกันทั่วประเทศ ทำให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะซื้อรถที่ไหนก็ได้รถรุ่นที่ต้องการ
Step 3 ‘เข้าถึงราคาและข้อเสนอสุดพิเศษ’ รับข้อเสนอและราคาที่ดีที่สุดเท่าเทียมกันทั่วประเทศ รับใบเสนอราคา เลือกรับข้อเสนอทางการเงินและช่องทางการวางเงินจอง
Step 4 ‘เข้าสู่การจองรถ’ ยืนยันการซื้อรถผ่านเอกสารข้อตกลงการซื้อรถยนต์ รับใบจองพร้อมเลือกวันและวิธีการรับรถ หลังจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการจัดเตรียมรถยนต์และติดต่อเพื่อยืนยันวันนัดหมาย
Step 5 ‘เข้ามาเป็นเจ้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์’ ตรวจเช็กรถยนต์โดยผู้เชี่ยวชาญ วางเงินดาวน์และรับใบกำกับภาษี เซ็นรับรถพร้อมรับประสบการณ์สุดพิเศษจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในขั้นตอนการส่งมอบ
สำหรับปี 2565 บริษัทจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลราว 2 ล้านคัน และรถตู้ 415,300 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ขยายเครือข่ายการผลิตใน 2 กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตราว 35 แห่งใน 4 ทวีป ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกันได้พัฒนาเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองทั่วโลกใน 3 ทวีป
ในส่วนของยอดขายรถในกลุ่มตลาดบน และเป็นรถยุโรป ในปี 2566 BMW (ไม่รวมมินิ) ยอดขาย 14,128 คัน Benz 12,884 คัน และ Volvo 3,688 คัน