พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานอนุกรรมการบูรณาการแนวทางในการ บังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีโทรคมนาคมและความมั่นคงของรัฐ กล่าวภายหลังประชุมติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมแถลงผลการดำเนินงานใน มาตรการต่างๆ ว่า มาตรการยืนยันตนของผู้ถือครองซิม ตั้งแต่ 6 หมายเลขขึ้นไป ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 67 กสทช. ได้ทยอยระงับการใช้งานซิมที่ไม่มีการยืนยันตนในกำหนดเวลา , การตรวจสอบซิมผีบัญชีม้า Mobile banking กสทช.ร่วมกับ ปปง.
โดย กสทช. ได้รับข้อมูลของ ธนาคารทั้งหมดมาจาก ปปง. แล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบแยกเครือข่าย, การกำจัด เสา สาย กระจายสัญญาณโทรคมนาคมเถื่อน กสทช. ร่วมกับ สตช. กวาดล้างจับกุม ล้มเสาเถื่อน ตลอดแนวชายแดน ส่วนการตรวจค้นจับกุมอุปกรณ์โทรคมนาคมเถื่อนที่ไม่ได้อนุญาต จาก กสทช.
ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 มีการ ตรวจค้นจับกุมและยึดของกลางได้เป็นจำนวนมากในพื้นที่เขตสวนหลวง และเขตวัฒนา โดยมาตรการต่างๆ ดังกล่าว จะช่วยยับยั้งการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างเป็นรูปธรรม
“ในปีที่ผ่านมา กสทช. ได้แก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี รวมถึงบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและ แอกชน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด วันนี้จึงมีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าในหลายประเด็น คือ การดำเนินการตามประกาศ กสทช. เรื่อง การยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกลุ่มผู้ถือ ครองซิมการ์ด 6 - 100 เลขหมาย ครบกำหนดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 และเริ่มทยอยระงับการใช้งาน โดยจะมีการ ระงับการใช้ในกลุ่มนี้ จำนวน 2,141,317 เลขหมาย โดยระงับการโทรออก การส่งข้อความ และการใช้อินเทอร์เน็ต แต่ยังคงรับสายโทรเข้าได้อีกระยะหนึ่งก่อนถูกเพิกถอน”
พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังน่าเชื่อว่า ภายใน 2 - 3 สัปดาห์หลังการระงับการใช้ซิมต่างๆ เหล่านี้แล้ว จะมีผู้ใช้บริการจำนวนมากหลั่งไหลมายืนยันตัวตนเพิ่มเติม เช่นเดียวกับกลุ่มแรก ซึ่งกลุ่ม 101 หมายเลขขึ้นไปนั้น ถูกระงับการใช้งานไป จำนวน 1,096,000 เลขหมาย ดังนั้น ซิมที่เปิดใช้โดยไม่มีการลงทะเบียนหรือลงทะเบียนด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน และคาดว่าอยู่ในความครอบครองของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็จะถูกกำจัดออกไป
สำหรับการตรวจสอบข้อมูลการลงทะเบียนซิมการ์ด Mobile Banking กับบัญชีธนาคารว่าเป็นของบุคคลคน เดียวกันหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ กสทช. ได้รับข้อมูลจากธนาคารทั้ง 21 แห่งผ่านทาง ปปง. แล้ว จำนวน 79 ล้านบัญชี โทรศัพท์ mobile banking จำนวน 113,568,836 เลขหมาย อยู่ระหว่างการตรวจสอบแยกเครือข่าย ก่อนส่งให้ผู้ให้ บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่ละราย ตรวจเปรียบเทียบ ว่าเจ้าของซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ กับเจ้าของ บัญชีธนาคารนั้นๆ เป็นของบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ จากนั้น กสทช. จะรวบรวมส่งกลับให้ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่ง ผ่านทางระบบของ ปปง. เพื่อดำเนินการต่อไป คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ภายในกำหนด
พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร ยังกล่าวถึง มาตรการกำจัด เสา สาย กระจายสัญญาณโทรคมนาคมเถื่อน ด้วยว่า กสทช.ร่วมกับ สตช.กวาดล้างจับกุม ผู้ลักลอบติดตั้งเสาส่งสัญญาณเถื่อน ตามแนวชายแดน เอื้อกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย จำนวน 29 ราย และตรวจสอบสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่และเสาสัญญาณของผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม ตรวจสอบทิศ ทางการกระจายสัญญาณบริเวณชายแดน ออกมาตรการตรวจสอบเข้มขัน โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 3 ราย
ผลการดำเนินการในพื้นที่ 5 จังหวัด 7 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่สอด จ.ตาก, อ.แม่สาย อ.เชียงของ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย, อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว, อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี และ อ.เมือง จ.ระนอง มีสถานีวิทยุคมนาคมที่ให้บริการโทรคมนาคมเข้าข่ายและมีการดำเนินการแล้ว ดังนี้ ระงับสัญญาณ 465 จุด, ปรับทิศทางสายอากาศ 470 จุด และรื้อถอนสายอากาศ จำนวน 179 จุด นอกจากนี้ กสทช. ได้มีหนังสือแจ้งเพิ่มเติม พื้นที่บริเวณชายแดนที่มีความเสี่ยงใน อ.แม่ระมาด อ.พบพระ จ.ตาก อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
สำหรับ มาตรการกำจัดซิมผีบัญชีม้า โค่นเสาสัญญาณเถื่อน และตรวจค้นจับกุมอุปกรณ์โทรคมนาคมผิดกฎหมาย ดังกล่าว เป็นการทำลายปัจจัยสำคัญ ในก่ออาชญากรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีได้อย่างเป็นรูปธรรม จะเห็นได้จากการไหลทะลักเข้ามาของอุปกรณ์สื่อสารผ่านดาวเทียม Starlink ไป ยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง คาดว่าคนร้ายเริ่มปรับตัว
นอกจากนี้ ผลการตรวจค้นจับกุมอุปกรณ์โทรคมนาคมเถื่อนที่ไม่ได้อนุญาต กสทช. จับกุมผู้ต้องหา และยึด ของกลางได้เป็นจำนวนมากในพื้นที่เขตสวนหลวง และเขตวัฒนา เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา กสทช. พร้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจ และสรรพสามิต นำหมายศาล เข้าตรวจค้นสถานที่ลักลอบจำหน่ายอุปกรณ์โทรคมนาคมเถื่อน ใน เขตสวนหลวง และเขตวัฒนา ตรวจยึดของกลางได้ จำนวน 18 ประเภทรายการ มากกว่า 6,000 ชิ้น รวมมูลค่า ของกลางมากกว่า 12 ล้านบาท เป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยวิทยุคมนาคม ในข้อหา มี ใช้ นำเข้า และค้า ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต จึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมด้วย ตรวจยึดของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป